"ชัยชนะ ประชาธิปัตย์" ห่วง "เสาไฟนวัตกรรม" ส่อทุจริต! ตอกย้ำ! งบ 69 ต้องตอบโจทย์กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น
ที่รัฐสภา วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 นายชัยชนะ เดชเดโช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระแรก วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท โดยขอเป็นตัวแทนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้ง 7,850 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในการจัดสรรงบประมาณ เนื่องจากในยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม โดยเฉพาะข้อ 5 เรื่องการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญหนึ่งในการร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์
โดยนายชัยชนะได้ชี้ให้เห็นว่า ปี 2568 ท้องถิ่นได้รับเงินรวม 859,479.4 ล้านบาท คิดเป็น 29.1% ของงบประมาณทั้งหมด และเป็นเงินอุดหนุนให้กับท้องถิ่น 378,020 ล้านบาท คิดเป็น 10.1% ของวงเงินงบประมาณทั้งหมด ส่วนในปี 2569 งบประมาณที่จัดสรรให้ท้องถิ่นจาก 29.1% ของปีงบประมาณ 68 เพิ่มเป็น 29.43% ในปีงบประมาณ 69 คิดเป็น 0.3% ส่วนเงินอุดหนุนจำนวนกว่า 800,000 ล้านบาทนี้ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือเงินรายได้ที่รัฐเก็บให้ อปท. และรายได้ที่ อปท. จัดเก็บเอง จำนวน 469,000 ล้านบาท และเงินอุดหนุนอีก 389,527 ล้านบาท
โดยเฉพาะในส่วนของเงินอุดหนุน 389,527 ล้านบาทนี้ สส.นครศรีธรรมราช จึงได้ฝากถึงนายกรัฐมนตรีว่า ขอได้ตรวจสอบ "เสาไฟนวัตกรรม" ที่ทราบว่ามีบาง อปท. ตั้งงบประมาณสร้างถนนเพื่อติดตั้งเสาไฟนี้ แต่จากการทดลองปีที่แล้วพบว่า ผู้รับจ้างที่ไม่ใช่บริษัทของตัวเองไม่สามารถซื้อเสาไฟนวัตกรรมจากผู้แทนจำหน่ายได้ จึงฝากนายกฯ ให้ควบคุมตรวจสอบการใช้จ่ายเรื่องนี้ผ่านกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นด้วย และตนจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมกับคาดหวังว่าในปีงบประมาณหน้า (ปี 2570) จะได้พิจารณาเพิ่มในส่วนของเงินอุดหนุนนี้เป็น 500,000 ล้านบาท เพื่อให้ท้องถิ่นนำไปจัดสรรแบ่งตามขนาดพื้นที่ต่อไป
นอกจากนี้ นายชัยชนะ ยังได้อภิปรายงบประมาณในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่ในปีงบประมาณ 2569 ได้รับงบประมาณ 38,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 929 ล้านบาท แม้จะดีใจที่ ทส. ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น แต่พันธกิจของกระทรวงมีมาก โดยเฉพาะการดูแลเรื่องน้ำและน้ำบาดาลให้ประชาชนที่อยู่ในความดูแลของ “กรมทรัพยากรน้ำ” ปี 2569 ได้รับงบประมาณจำนวน 9,282.502 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 1,700 ล้านบาท ขณะที่พันธกิจของกรมฯ ที่ต้องกำกับ ควบคุม อนุรักษ์ พัฒนา ฟื้นฟู จัดสรร ตลอดจนการสร้างฝาย เขื่อน ดูแลระบบน้ำทั้งหมด แม้ว่าจะมีหลายหน่วยงานดูแลเรื่องน้ำ แต่ขอให้ช่วยเพิ่มงบประมาณให้กรมทรัพยากรน้ำเป็น 20,000 ล้านบาท เพื่อดูแลเรื่องน้ำสำหรับการเกษตรและการอุปโภคบริโภคในอนาคต
นอกจากนี้ยังมี กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ซึ่งมีภารกิจสำคัญในการบริการประชาชนในพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งน้ำ ด้วยการนำน้ำจากธนาคารใต้ดินขึ้นมาใช้ ทั้งเป็นกรมที่สามารถทำงานบูรณาการกับ อปท. ได้ แต่กลับได้รับงบประมาณเพียง 3,894.484 ล้านบาทเท่านั้น ถือว่าเป็นงบประมาณนี้น้อยมาก เมื่อเทียบกับภารกิจที่ต้องขุดเจาะบาดาล เพื่อทำประปาดื่มได้ และดูแลประชาชน ดังนั้นจึงฝากให้นายกรัฐมนตรีได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลจาก 3-4 พันล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนทุกครัวเรือน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่หน่วยงานอื่นเข้าไม่ถึงได้มีน้ำดื่มที่สะอาดปลอดภัย
นายชัยชนะ ได้สรุปว่าสิ่งที่อภิปรายมาทั้งหมดคือความคาดหวังในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ที่ต้องการเห็นการกระจายอำนาจอย่างจริงจัง ดูแล อปท. อย่างเต็มที่ เพราะเป็นด่านแรกในการรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และต้องเดินหน้าบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยบูรณาการทุกหน่วยงานร่วมกัน และตนเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฉบับนี้ แต่ขอให้มีการแก้ไขและปรับปรุงประเด็นที่ท้วงติงในงบประมาณปี 2570 และสิ่งที่อยู่ในงบประมาณปี 2569 หากตรวจสอบแล้วพบการทุจริต ก็ขอให้มีการปรับแก้ไขในชั้นคณะกรรมาธิการงบประมาณต่อไป
Advertisement