Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
รมว.ต่างประเทศ แถลงผลการเยือน UN ยืนยัน กัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย

รมว.ต่างประเทศ แถลงผลการเยือน UN ยืนยัน กัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย

26 ก.ค. 68
13:37 น.
แชร์

รมว.ต่างประเทศ แถลงผลการเยือน UN ยืนยัน กัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย ชี้ เป้าพลเรือน

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนและประชาชนเมื่อเช้าวันนี้ (26 ก.ค. 2568) ณ กระทรวงการต่างประเทศ หลังจากเดินทางกลับจากภารกิจเข้าร่วมการประชุม High-Level Political Forum (HLPF) ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ (UN) นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยสรุปผลการเยือนและชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้น

นายมาริษ กล่าวว่า ตลอดการปฏิบัติภารกิจที่ UN ตนได้ติดตามสถานการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่ ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เริ่มเปิดฉากโจมตีก่อน และได้โจมตีสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนาโจมตีพื้นที่พลเรือน ส่งผลให้มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงเด็กอายุเพียง 8 ขวบ

รมว.ต่างประเทศ ย้ำว่าไม่มีประเทศใดในโลกจะยอมรับการกระทำเช่นนี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกัมพูชาเป็นประเทศที่ย้ำมาตลอดว่าเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมระหว่างประเทศ แต่กลับกระทำการที่ละเมิดหลักการพื้นฐานอย่างร้ายแรง เช่น การโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย

ขอย้ำว่า การกระทำเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย แต่ยังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตร UN และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังเป็นการละเมิดศีลธรรมขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่ควรได้รับการประณามอย่างเต็มที่จากประชาคมระหว่างประเทศ

ทันทีที่เกิดเหตุ กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดย (1) ประณามการรุกรานของกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุด (2) ประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญกลับประเทศ และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับประเทศเช่นกัน และ (3) เรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบและยุติการโจมตี เป้าหมายทั้งทางทหารและพลเรือน รวมถึงยุติการละเมิดอธิปไตยของไทยโดยทันที นายมาริษยังได้แสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้

นอกจากนี้ นายมาริษ ได้กล่าวถึงกรณีการ วางทุ่นระเบิดใหม่ของกัมพูชา ในดินแดนอธิปไตยของไทย ซึ่งมีหลักฐานชัดเจน และทำให้ทหารไทย 2 นายบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาถาวร แสดงความเสียใจอย่างมากกับความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น และชื่นชมความกล้าหาญของทหารทุกท่านที่เสียสละเพื่อชาติ

นายมาริษ ยืนยันว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการทุกอย่างด้วยความจริงใจในการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับกัมพูชามาตลอด แต่เมื่อฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะละเมิดอธิปไตยของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตนในฐานะ รมว.ต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องเดินทางไปชี้แจงกับประชาคมระหว่างประเทศด้วยตนเองโดยเร็วที่สุด

ในการเยือน UN ครั้งนี้ นอกเหนือจากการเข้าร่วมการประชุม HLPF แล้ว ยังเป็นโอกาสสำคัญในการชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาต่อนานาประเทศ

นายมาริษได้กล่าวถ้อยแถลงในการอภิปรายแบบเปิดในที่ประชุม คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และพบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากประเทศและองค์การต่างๆ เช่น เลขาธิการ UN, ประธาน UNSC (ปากีสถาน), ประธาน UNSC วาระถัดไป (ปานามา), รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น (ประธานคณะกรรมการประจำอนุสัญญาออตตาวา) และผู้แทนประธานาธิบดีรัสเซีย (สมาชิกถาวร UNSC)

ในการหารือเหล่านี้ ได้ชี้แจง (1) ข้อเท็จจริงว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดอธิปไตยของไทยก่อน (2) ย้ำท่าทีไทยที่จะแก้ไขปัญหาเขตแดนอย่างสันติ และด้วยความจริงใจผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ และ (3) การละเมิดอนุสัญญาออตตาวาของกัมพูชา จากกรณีการวางทุ่นระเบิดใหม่ รวมถึงการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอื่นๆ

เมื่อคืนที่ผ่านมา (25 ก.ค. 2568 เวลาประมาณ 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) UNSC ได้จัดการประชุมแบบปิดเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี 15 ประเทศสมาชิก UNSC รวมถึงไทยและกัมพูชาเข้าร่วม

นายมาริษ ได้รับรายงานว่า ในที่ประชุม ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา รวมถึงสมาชิก UNSC ได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลง โดยฝ่ายไทยได้ย้ำจุดยืนว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน และโจมตีสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหารอย่างต่อเนื่อง ลึกเข้ามาในเขตแดนไทย ทำให้มีพลเรือนไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง

ถ้อยแถลงของประเทศสมาชิก UNSC ไม่ได้เน้นประเด็นใดเป็นพิเศษ แต่กล่าวถึงหลักการกว้างๆ ที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า

1. เรียกร้องให้กัมพูชาและไทยใช้ความยับยั้งชั่งใจ ลดความตึงเครียด หยุดยิง และแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี รวมถึงการทูตและการเจรจาทวิภาคีบนพื้นฐานเพื่อนบ้านที่ดี

2. สนับสนุนบทบาทของอาเซียนในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งตามหลักการของกฎบัตรอาเซียน

3. ย้ำว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ

สำหรับกรณี ประธานอาเซียน นายมาริษ ได้กล่าวขอบคุณ นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย สำหรับบทบาทและข้อเสนอหยุดยิง ซึ่งไทยเห็นด้วยในหลักการ โดยกัมพูชาจะต้องหยุดโจมตีและแสดงความจริงใจ พร้อมระบุว่าไทยพร้อมหารือกับมาเลเซียอย่างต่อเนื่องเพื่อหาข้อยุติ

ส่วนกรณี ข่าวปลอมที่กัมพูชาออกแถลงการณ์กล่าวหาว่ากองทัพไทยรุกรานและสร้างความเสียหายให้ตัวปราสาทพระวิหาร นั้น นายมาริษได้ชี้แจงอีกครั้งว่า เป็นการกล่าวหาที่ไร้หลักฐานและไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากพื้นที่การปะทะบริเวณห้วยตามะเรียและภูมะเขือ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม อยู่ห่างจากตัวปราสาทพระวิหารถึง 2 กิโลเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีกระสุนหรือสะเก็ดระเบิดไปถึงตัวปราสาท โดยฝ่ายไทยได้ชี้แจงไปแล้วเป็นหนังสืออย่างเป็นทางการ

นายมาริษ ยังได้สั่งการให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และกรมองค์การ กระทรวงการต่างประเทศ ทำหนังสือประท้วงเรื่องการโจมตีเป้าหมายพลเรือนไปยังคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศและคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติด้วย

ประเทศไทยขอยืนยันเจตนารมณ์ในการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศในการธำรงสันติภาพและเสถียรภาพ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่เป็นการละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาอย่างจริงใจและสุจริตใจ

นายมาริษ ได้ร่วมส่งกำลังใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ และย้ำความมั่นใจว่า ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศจะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน ศักดิ์ศรี และสถานะของไทยในเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงยึดถือผลประโยชน์และความปลอดภัยของคนไทยไว้เหนือสิ่งอื่นใด

Advertisement

แชร์
รมว.ต่างประเทศ แถลงผลการเยือน UN ยืนยัน กัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย