ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสมเกียรติ ม่วงละออ อายุ 46 ปี พ่อค้าที่หมู่บ้านแซร์ไปร ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนขึ้นช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เผยว่า ตนอยู่ที่นี่มานานแล้วตั้งแต่มีการเปิดด่านช่องสะงำใหม่ๆ โดยในช่วงแรกก็มีคนมาที่ด่านค่อนข้างเยอะ มีคนไทยมาจากหลากหลายจังหวัด หนองคาย ยโสธรบ้าง เพื่อมาข้ามด่านไปเล่นคาสิโนที่ฝั่งกัมพูชา
ส่วนคนฝั่งกัมพูชาก็มีข้ามมาบ้าง เเต่เป็นการข้ามมาแบบวันต่อวัน มีบางครั้งที่แวะมาซื้อของที่ร้านตนพอถามว่าไปไหนเค้าก็บอกว่าจะไปหาหมอที่โรงพยาบาลจังหวัดอุบลราชธานี บางคนมีพาสปอร์ตมาค้างคืนก็มี ซึ่งที่ผ่านมาตอนนั้นก็ไม่เคยเกิดปัญหาใดๆ ขึ้น
เมื่อถามว่าหลังจากปิดด่าน การค้าขายเป็นยังไงบ้าง นายสมเกียรติ บอกว่า ก็ซบเซาไปบ้าง จากเดิม 100% ตอนนี้ก็ขายของได้สัก 50% ตอนนี้ก็พออยู่ได้ ตนก็จะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ
ซึ่งตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งถ้าจะมีการเปิดด่านอีกครั้ง ถ้าเปิดด่านเดี๋ยวก็จะวุ่นวายอีกเหมือนเดิม ปิดตายแบบนี้ดีแล้ว ไม่อยากให้กัมพูชาเข้ามาวุ่นวายอีก หรือ ถ้าทำรั้วกั้นเหมือนปราสาทตาเมือนธม หรือที่ประเทศเวียดนามทำ ก็จะดีกว่า
หรือถ้าเขาอยากจะข้ามมาก็ให้ทำวีซ่า หรือ พาสปอร์ต มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรัดกุมไปเลย เหมือนเวลาเราไปต่างประเทศไปเลย จะได้ไม่เกิดปัญหาอีก
เรื่องการสร้างรั้วกั้นพรมแดน ถ้ารัฐบาลจะเรี่ยไรบริจาคประชาชน ตนก็จะยอมให้ คนไทยมีตั้ง 70 ล้านคน เก็บคนละ 100 บาท ตนก็ยอม ถามว่าอยากบอกอะไรคุณอนุทิน นายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายสมเกียรติ บอกว่า ถ้าเขาอยากช่วยคนไทย ก็ให้สร้างรั้วกั้นไปเลย กัมพูชาจะได้ไม่ลักลอบเข้ามาอีก
Advertisement