เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย ด.ต.ไพศาล เจริญเรืองทรัพย์, ด.ต.สยาม เปรมมล, จ.ส.ต.ประเสริฐ พูลศิริ, จ.ส.ต.ธัญพิสิษฐ์ วรพุฒิ, จ.ส.ต.สราวุฒิ ประจวบวัน ผบ.หมู่ ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล.ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายจิรทีปต์ฯ อายุ 55 ปี สัญชาติ ไทย ผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 152/2568 ลงวันที่ 8 เมษายน 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป ในเคหะสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับการประสานจากชุดสืบสวนภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ตรวจสอบรถต้องสงสัยในคดีลักทรัพย์เขตอำเภอสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีดำ โดยรถคันดังกล่าวใช้ถนนเพชรเกษม กำลังมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บน ถนนเพชรเกษม ขาเข้า กทม. เขตอำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ได้พบรถยนต์ต้องสงสัยตรงกับที่ได้รับแจ้ง เมื่อเจ้าหน้าที่เรียกให้หยุดรถ แต่ปรากฏว่ารถดังกล่าวได้เร่งเครื่องหลบหนี
จนถึงช่วง ถ.เพชรเกษม ช่วง กม.129 ตำบลบางเค็ม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถหยุดรถต้องสงสัยดังกล่าวไว้ได้ ตรวจสอบในรถพบนายจิรทีปต์ฯ เป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ตรวจสอบโดยละเอียดพบว่า นายจิรทีปต์ฯ เป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 152/2568 จึงได้แสดงหมายจับให้
นายจิรทีปต์ฯ ดูและได้ยืนยันว่าตนเองเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริงและยังไม่เคยถูกจับกุมตัวตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายกับให้ทราบ ควบคุมตัวนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เสาไห้ จ.สระบุรี ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบประวัติของ นายจิรทีปต์ฯ ย้อนหลัง พบว่านายจิรทีปต์ฯ เป็นผู้ต้องหาที่มีประวัติเกี่ยวกับคดีลักทรัพย์มาแล้วกว่า 30 คดี มีการตระเวนลักทรัพย์มาอย่างสม่ำเสมอ ตั้งแต่ช่วงปี 2539-2568 เมื่อถูกจับกุมดำเนินคดีพอพ้นโทษ ก็กลับมากระทำความผิดลักทรัพย์อีก แต่กระทำลงไปด้วยความแยบยลและระมัดระวังตัวมากขึ้น โดยพยายามร่วมกันกระทำผิดหลายๆ คนกับเพื่อนในสมัยที่เคยจำคุกมาด้วยกัน
โดยนายจิรทีปต์ฯจะรับหน้าที่ดูต้นทาง เพราะบางครั้งในบ้านที่เกิดเหตุมีกล้องวงจรปิดเฉพาะภายในบ้านเมื่อมีการเกิดเหตุและมีการดำเนินคดีขึ้นมา ก็จะเห็นเฉพาะตัวผู้ที่ลงมือลักทรัพย์เท่านั้น พฤติการณ์ของนายจิรทีปต์ฯ เป็นอาชญากรที่ระดับวางแผนสั่งการ ก่อนจะพลาดท่าถูกดำเนินคดีและถูกจำคุกที่เรือนจำกลางกำแพงเพชร ต่อมาพ้นโทษออกมา
เมื่อ 9 กันยายน 2567 และได้มาตระเวนลักทรัพย์ในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนติดตามพบข้อมูลว่ามีกลุ่มคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คนโดยสารยานพาหนะรถยนต์สีดำ ตระเวนลักทรัพย์หมู่บ้านไม่ต่ำกว่า 10 หลัง ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.2568 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนพบว่าหนึ่งในนั้น มีตำหนิรูปพรรณ คล้ายนายจิรทีปต์ฯ ซึ่งคนร้ายได้ทรัพย์สินไปเป็นทองคำน้ำหนัก 20 บาท กับเงินสด พระเครื่องและของมีค่าอื่นๆ มากกว่า 2 ล้านบาท โดยนำไปขายให้กับกลุ่มตลาดมืดใน กทม. และนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว
ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายจิรทีปต์ฯ มีหมายจับค้างเก่าของศาลจังหวัดสระบุรี ที่ 152/2568 ลงวันที่ 8 เม.ย.2568 และหมายจับศาลจังหวัดกำแพงเพชร ที่ 352/2568 ลงวันที่ 21 ก.ค. 2568 จนกระทั่งตำรวจทางหลวงเพชรบุรีสามารถจับกุม นายจิรทีปต์ฯ ได้ตามรายละเอียดข้างต้น และยังได้ขยายผลได้ผู้ร่วมขบวนการเพิ่มอีก 1 ราย
จากการตรวจสอบคดีอาญาย้อนหลังพบว่า นายจิรทีปต์ฯ เป็นผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์รายสำคัญ ซึ่งก่อเหตุมาไม่ต่ำกว่า 30 ครั้ง ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท โดยในอดีต เมื่อ 20 พ.ย. 2557 นั้น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 15/2557 โดยที่ประชุมมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2552 ดังนี้ ที่ประชุมได้มีมติสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินบางส่วนของ นายจิรทีปต์ฯ , นายจักรพันธ์ฯ และนายอดิศักดิ์ฯ กับพวกเนื่องจากกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะปกติธุระโดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีประวัติในคดีลักทรัพย์จังหวัดต่างๆ ในภาคกลาง มาอย่างต่อเนื่อง ระหว่างปี 2535-2556 เบื้องต้นพบทรัพย์สินที่น่าเชื่อว่ามาจากคดีลักทรัพย์ อาทิ เงิน ทองรูปพรรณ พระเครื่อง พระพุทธรูปบูชา วัตถุมงคล เครื่องใช้ไฟฟ้า นาฬิกา ฯลฯ ไม่ปรากฎผู้เสียหายมายืนยันของกลาง รวมทั้งสิ้น 1,983 รายการ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การรับว่า เพิ่งได้ก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ในเขตอำเภอสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาจริงโดยได้ทรัพย์สินไปหลายรายการ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
Advertisement