“กระดาษเมา-สติกเกอร์เมา” คืออะไร สุขชั่วครู่เตรียมสู่ขิต เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ออกฤทธิ์หลอนประสาทอย่างรุนแรง อันตรายถึงชีวิต
กรมการแพทย์โดยสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) เตือนภัย กระดาษเมา สติกเกอร์เมา กระดาษมหัศจรรย์ หรือ แสตมป์มรณะ อันตราย ออกฤทธิ์หลอนประสาทอย่างรุนแรง อาจนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้
“กระดาษเมา” หรือที่รู้จักในชื่อ “สติกเกอร์เมา” “กระดาษมหัศจรรย์” หรือ “แสตมป์มรณะ” คือการนำ สารแอลเอสดี (LSD) ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ออกฤทธิ์หลอนประสาท มาหยดลงบนกระดาษดูดซับ (blotter paper) ที่มักพิมพ์ลวดลายและสีสันต่าง ๆ จากนั้นนำมาแบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ ลักษณะคล้ายแสตมป์ แล้วใช้อมไว้ใต้ลิ้น
เมื่อเข้าสู่ร่างกาย สารแอลเอสดีจะออกฤทธิ์ภายใน 30 – 90 นาที นาน 8 – 12 ชั่วโมง |
---|
ส่งผลให้ผู้เสพมีอาการรูม่านตาขยาย อุณหภูมิร่างกายและความดันโลหิตสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก นอนไม่หลับ ปากแห้ง ตัวสั่น และเบื่ออาหาร
ในระยะแรก ผู้เสพอาจรู้สึกมึนศีรษะ เห็นแสงวูบวาบ หรือเกิดอาการเคลิ้มสุข
ต่อมาจะเข้าสู่ภาวะประสาทหลอนรุนแรง เช่น เห็นภาพหลอน หูแว่ว การรับรู้ภาพและสีผิดเพี้ยน เห็นภาพความทรงจำในอดีตซ้ำขึ้นมา และอาจเกิดความหวาดกลัวรุนแรงได้ บางรายอาจควบคุมตนเองไม่ได้ จนถึงขั้นทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้อื่น หรือเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
ฤทธิ์ของสารแอลเอสดี (LSD) |
---|
รูม่านตาขยาย |
หัวใจเต้นเร็ว |
ตัวสั่น |
เบื่ออาหาร |
นอนไม่หลับ |
ปากแห้ง |
เหงื่อออกมาก |
อุณหภูมิร่างกายและความดันโลหิตสูงขึ้น |
การเสพสารแอลเอสดี (LSD) ส่งผลโดยตรงต่อการรับรู้ ความคิด และการตัดสินใจของผู้เสพ อาจก่อให้เกิดพฤติกรรมรุนแรงและเป็นอันตรายต่อทั้งตนเองและผู้อื่น เช่น การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน การทำร้ายร่างกายผู้อื่น หรือการทำร้ายตนเอง
หากเสพในปริมาณมากเกินไปเป็นเวลานาน ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางจิตเรื้อรัง เช่น โรคจิตเภท หรือโรคซึมเศร้า ซึ่งมักมาพร้อมอาการหวาดระแวง หูแว่ว เห็นภาพหลอน และแม้จะหยุดใช้ยาแล้ว แต่อาการทางจิตยังสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้
อีกทั้งยังรักษาได้ยากและต้องใช้เวลานานกว่าจะทุเลา ขอเน้นย้ำเตือนกลุ่มวัยรุ่นและนักท่องเที่ยว อย่าหลงเชื่อคำชักชวนให้ทดลองใช้ “กระดาษเมา” หรือสารเสพติดทุกชนิด เพราะไม่เพียงแต่เกิดผลเสียต่อร่างกายและจิตใจเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่การก่ออาชญากรรมและการเสียชีวิตได้
ข้อมูลจาก : สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.)
Advertisement