อุทาหรณ์ เด็กชายเล่นน้ำคลายร้อน พลาดท่าไม่ระวัง โดดร่วงใส่เรือโดยสารเจ็บ

30 เม.ย. 67

 

อุทาหรณ์ เด็กชายเล่นน้ำคลายร้อน พลาดท่าไม่ระวัง โดดร่วงใส่เรือโดยสารเจ็บ คนถ่ายคลิปยัน เตือนแล้วไม่ฟัง ขณะที่คนขับเรือระแวงเวลาผ่านสะพาน

จากกรณีที่เฟซบุ๊กเพจ “เจ๊ม้อยv-news” เห็นนาทีเด็กชาย 2 คนขึ้นไปบนสะพาน กระโดดน้ำเล่นคลายร้อนกัน สังเกตว่าเด็กคนแรกก็กระโดดลงน้ำเล่นตามปกติ แต่เมื่อเด็กคนที่ 2 กระโดดตามเพื่อนโดยไม่ทันระวัง เป็นจังหวะเดียวกับที่เรือโดยสารแล่นผ่านมาพอดี เด็กชายคนดังกล่าวกระโดดหลบไม่พ้นถูกผ้าใบเรือที่เป็นหลังคา 

โดยในโพสต์ดังกล่าวได้ระบุข้อความฝากถึงผู้ปกครองบอกว่า “ดูแลด้วยนะคะ โชคดีไม่ได้มีบ่อย เรือก็สัญจรปกติ เราต้องระวัง คนถ่ายก็ถ่ายอย่างเดียว คนกระโดดก็จะกระโดดท่าเดียว ดูไว้เป็นตัวอย่าง” 

ต่อมาวันที่ 30 เม.ย. 67 นายบุญยืน มิ่งมา อายุ 55 ปี พ่อค้าขายมะพร้าวอยู่ริมถนนสายบ้านแพ้ว และเป็นผู้ที่ถ่ายคลิปดังกล่าว เล่าว่า วันนั้น 26เม.ย.63 อากาศร้อนมากจึงออกมานั่งเล่นที่ท่าน้ำวัดธรรมจริยาภิรมย์ เห็นเด็ก 2 คนเล่นกระโดดน้ำลงจากสะพาน ตอนแรกได้พูดตักเตือนแล้วว่า “อย่าโดดๆ มันอันตราย เรือเขาแล่นผ่านไปมา” อีกทั้งดูจากความสูงแล้วจากราวสะพานมาถึงผิวน้ำประมาณ 5 เมตรเศษ แต่เด็กทั้งสองกลับนิ่งเฉย ไม่สนใจกับคำตักเตือนยังคงเล่นน้ำต่อไป 

และจังหวะที่เรือแล่นผ่านมาตอนนั้นเป็นจังหวะที่ตนกำลังหยิบมือถือมาถ่ายคลิปเด็กโดดน้ำ พอดีจึงทำให้เห็นขณะที่เด็กโดดลงมาใส่หลังคาเรือแล้วจมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตา 

ส่วนกระแสในโซเชียลที่ชาวเน็ตบอกว่าทำไมไม่ห้าม ยืนยันว่าห้ามไปแล้ว แต่เด็กไม่ฟัง อีกทั้งไม่ได้รู้จักเด็กทั้ง 2 คนเป็นการส่วนตัว เป็นเพียงคนมานั่งเล่นที่ท่าน้ำเฉยๆ 

นอกจากนี้นายบุญยืนยังบอกอีกว่า ตนมาทราบภายหลังว่าเด็กที่ประสบเหตุนั้นชื่อเอก อายุ 15 ปี เมื่อเด็กหล่นลงมาใส่เรือก็ได้ใช้ไม้โยนไปบริเวณที่เด็กจม ส่วนสาเหตุที่ไม่ลงไปช่วย เพราะตนว่ายน้ำไม่เป็น แต่ทางพลเมืองดีที่นั่งรับประทานก๋วยเตี๋ยวอยู่ได้กระโดดลงไปช่วยเด็กไว้ได้ทันเวลา 

ขณะที่ข้อมูลทางฝั่งคนขับเรือ บอกว่า ขับเรือมา 40 กว่าปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ตอนนี้ก็ยังระแวงเวลาแล่นผ่านสะพานก็ต้องสังเกตชะลอเรือ เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าว ไม่ให้เกิดซ้ำ ส่วนเด็กชายในคลิปได้เข้าไปดูอาการแล้ว อาการค่อนข้างหนัก แพทย์ต้องรักษาต่อไป ส่วนความเสียหายของเรือนั้นแค่เหล็กหักจึงไม่ได้เรียกร้องอะไรจากทางครอบครัวของเด็ก แค่เห็นว่าเด็กปลอดภัยก็ดีแล้ว

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส