ส่อวุ่นก๊วนฮารุขังพยาบาลลั่นฉันก็เหยื่อ แฉสร้างภาพรวยสูบทรัพย์บีบ 3 สาวตีโป่งออกงาน (คลิป)

19 ต.ค. 65

สืบเนื่องจากกรณีเหตุการณ์ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำหมายศาลบุกไปตรวจค้นห้องพัก ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านถนนอรุณอมรินทร์ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร หลังได้รับข้อความขอความช่วยเหลือที่ส่งต่อผ่านทางญาติผู้เสียหายว่า ถูกมิจฉาชีพหลอกมากักขัง ทำร้ายร่างกาย บังคับให้ทำงาน

138565

ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลบุกช่วยเหยื่อ 5 ราย ประกอบด้วยอดีต 3 พยาบาลสาว และลูก หลังถูกผู้นำคลั่งลัทธิ ลวงใช้หนี้อุปโลกน์ 140 ล้านบาท ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายสุดวิตถาร ทั้งโกนผม และลวกนํ้าร้อนอย่างทารุณนานกว่า 3 ปี โดยสามารถจับกุมตัว 2 ผู้ต้องหา คือนายฮารุ ฮวังสิริอายุ 39 ปี และนายตรีเพชรรัตน ณพชร อายุ 20 ปี ผู้นำลัทธิเถื่อนได้ในเวลาต่อมา

744311

วันที่ 19 ต.ค. 65 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ช่วงเวลา 19.00 น. วันที่ 18 ต.ค. 65 ตำรวจชุดสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบวรมงคลและเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตรวจที่เกิดเหตุ โดยมี น.ส.ไข่มุก และน.ส.พลอย เหยื่อที่ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นผู้นำเข้าตรวจค้นภายในห้อง 95 ชั้น 7 ตึก A คอนโดหรูย่าน พระราม 8 ถ.อรุณอมรินทร์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด จ.กรุงเทพฯ หลังจากตรวจห้องพักดังกล่าว

233445

เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ตรวจเก็บหมอน มีคราบเลือดติดอยู่ 1 ใบ และตรวจเก็บหมอนมาทั้งห้อง รวมทั้งสิ้น 3 ใบ จากนั้นตำรวจชุดสืบสวนได้สอบถามเหยื่อทั้ง 2 คน ในเรื่องของการใช้ยา จนเหยื่อทั้ง 2 คนได้นำกล่องยามาให้ชุดสืบสวนตรวจสอบ แจ้งว่ายาทั้งหมด นายฮารุเป็นผู้ซื้อให้ และจากการสอบถาม เหยื่อให้การว่ามียา 1 ตัวที่กินแล้วจะมึน คือยา Cetirizine Dihydrochloride หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำหลักฐานทั้งหมดที่ตรวจพบในห้องเกิดเหตุมาประกอบสำนวนคดี

398959

จากการตรวจสอบพบคลิปจากยูทูบที่ 3 สาวพยาบาลผู้เสียหาย ทำคอนเทนต์ส่งความสุขช่วงปีใหม่ การแต่งกายจัดเต็ม สวมใส่วิกผมขนาดใหญ่เป็นเอกลักษณ์

950153256594

โดยการแต่งกายออกงานก็ทรงคล้ายนางงาม และแต่งกายคล้ายกัน จึงเป็นที่น่าสนใจทุกเวทีการประกวดนางงาม และมีภาพถ่ายร่วมกับนางงาม และผู้จัดงานเป็นจำนวนมากด้วยนั้น

880914517738

พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.บวรมงคล ให้ข้อมูลเบื้องต้นทางคดีว่าเมื่อวานที่ผ่านมาได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 รายแล้วร่วมกับนักจิตวิทยา และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หลังสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งคู่ไม่ยอมที่จะบอกถึงวิธีการในการชักชวนผู้เสียหายที่แน่ชัด

574866

ส่วนประเด็นของการคลั่งลัทธิของนายฮารุนั้น นายฮารุยอมรับว่ามีความศรัทธาในองค์เทพจริง ส่วนจะเป็นการนำเอาความเชื่อมาล้างสมองพยาบาลผู้เสียหายทั้ง 3 รายหรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถชี้ชัดได้ โดยจะต้องตรวจสอบและขยายผลเพิ่ม รวมไปถึงความเชื่อลัทธิต่าง ๆ นั้น ก็ยังไม่มีใครชี้ชัดได้ว่านี้คือลัทธิอะไร เพราะนายฮารุไม่ยอมให้ข้อมูลในส่วนนี้

851655

ส่วนของผู้เสียหาย 2 ราย น.ส.พลอย (นามสมมติ) อายุ 34 ปี, น.ส.ไข่มุก (นามสมมติ) อายุ 48 ปี หลังจากสอบปากคำนานกว่า 4 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลคาดว่าทั้งคู่น่าจะคล้อยตามนายฮารุและมีความเชื่อเดียวกัน ส่วน น.ส.ไพริน ตำรวจชี้คาดว่าจะไม่มีความเชื่อตามนายฮารุ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอสงวนข้อมูลบางส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไว้ในสำนวนคดี

ส่วนอัปเดตอาการ น.ส.ไพริน และลูกทั้ง 2 คนอาการดีขึ้นมากว่าเมื่อวาน กินได้ สภาพจิตใจอยู่ในระดับดี ทั้งนี้ ในส่วนเช้าวันนี้ยังไม่มีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความเพิ่มแต่อย่างใด

433246

ทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับเหยื่ออีก 1 ราย ที่โดนนายฮารุ ผู้ต้องหาโกงเงินสูญไปกว่า 2 หมื่นบาท เมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดยทาง นางกมลทิพย์ (นามสมมติ) เล่าให้ฟังว่าส่วนตัวรู้จักกับทางนายฮารุผู้ต้องหาเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเองชื่อที่ตนรู้จักคือคุณคริส โดยที่รู้จักเพราะเขาเองมาเป็นลูกค้าร้านทำผมของตน เรียกว่าเป็นลูกค้าประจำก็ว่าได้ เพราะพฤติกรรมของเขานั้นจะมาที่ร้านสัปดาห์ละครั้ง มาสระผม ไดร์ผม ตลอดจนทำสี ซึ่งตอนที่รู้จักแรก ๆ เขาเองจะมีค่อนข้างเป็นคนที่พูดเอง มักจะชวนคุยโดยที่ตนไม่ได้ถาม

เท่าที่จำได้เขาเองบอกว่าเขาเป็นลูกครึ่งเกาหลี ที่บ้านเปิดร้านจิวเวอรี่ ขายเพชร มักจะบินไปเที่ยวต่างประเทศเป็นประจำ ซึ่งจากที่ตนสัมผัสได้ตอนนั้นก็ยอมรับว่าเขาเองค่อนข้างมีชีวิตหรู ใช้ของแบรนด์เนม กลิ่นน้ำหอมจะฟุ้ง ผิวพรรณดี แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบรนด์ ตลอดจนเวลามาทำผมนั้นบางครั้งค่าทำผมประมาณ 50-100 บาท เขาเองก็จะให้ทิปกับตนและพนักงาน 100-200 บาท จนหลายครั้ง เราเองก็เกรงใจและปฎิเสธ แต่เขาก็จะยัดเยียดให้ตลอด

กระทั่งพอตนและทางคริส หรือ ฮารุ เริ่มรู้จักกับตนได้ประมาณ 1 ปีกว่า เขาก็เริ่มมีเรื่องของการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง เริ่มเเรกเขาเองแกล้งทำทีว่าจะไปชื้อของแล้วพอดีเงินไม่พอ จะขอยืมก่อนตอนนั้นประมาณ 4,000 บาท ความที่ตนมั่นใจและเชื่อใจว่ารู้จักกันมานาน ไม่คิดอะไรก็ให้เขายืมไป ผ่านไป 1-2 วันเขาก็คืนตามปกติ หลังจากครั้งแรก เขาเองก็เริ่มมายืมถี่เรื่อย ๆ จำนวนหลักพันบาทหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งเขาก็คืน

ผ่านไปสักระยะหนึ่งเขาเองเริ่มเปลี่ยนจากยืมเงิน อ้างว่าพอดีจะมีคนโอนเงินมาให้ แต่บัญชีของเขามีปัญหา จะให้โอนเข้าบัญชีตนแล้วให้ตนพาเขาไปกดให้ ตนเองด้วยความที่ไว้ใจก็ให้เลขบัญชีเขาไป มีเงินโอนเข้ามา 10,000 บาท ก่อนที่ตนจะพาเขาไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ครั้งนั้นนายฮารุเห็นยอดเงินในบัญชีของตนเป็นหลักแสนบาท เขาเองก็มีการพูดว่าเงินเยอะเหมือนกันนะ ตนก็ตอบกลับไปว่าเงินของคนอื่นเขามาฝากไว้ จากนั้นเขาเองก็มีการโอนเงินเข้าบัญชีของตนอีก 10,000 บาท และพาไปกดเหมือนเดิมอีกครั้ง

ต่อมาอีกไม่นานเขาก็เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมกลับมาขอยืมเงินอีกครั้ง อ้างว่ายอดเงินจากธุรกิจไม่เข้า มีปัญหา ขอยืมก่อนรั้งละ 10,000 บาท จำนวน 3 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 เดือน ด้วยความที่เขาเองค่อนข้างพูดเก่งและโน้มน้าวใจ ตนหลงเชื่อโอนให้ หลังจากนั้นตนก็เริ่มมีการทวงเงินคืน เขาก็อ้างว่าไปเมืองนอก จะรีบเคลียร์ให้ สัญญาว่าจะไม่โกง ตนพยายามจี้ทวงหลายครั้งจนเจ้าตัวยอมให้น้องที่ชื่อ "ธอ" เป็นน้องที่รู้จักของเขาเอาเงิน 10,000 บาทมาให้ พร้อมกับขนมมาให้ตน บอกว่าเป็นของแทนใจ ส่วนอีก 20,000 บาทจะรีบคืน ตนก็เลยให้เวลาเขาและผ่านไป 1 สัปดาห์ถึงจะโทรไปใหม่ เขาเองก็บอกว่าเขากำลังจะแต่งงานกับแฟนที่เกาหลี แต่มีปัญหา ก่อนจะร้องไห้และระบายให้ตนฟัง บอกว่าจะคืนเงิน รอหน่อย ตนก็เลยเชื่อใจและรอ ผ่านไปหลังจากนั้นติดต่อเขาไม่ได้ กระทั่งจนถึงทุกวันนี้ มาทราบข่าวก็ตกใจ มั่นใจว่าพฤติการณ์ของเขาน่าจะเป็นมิจฉาชีพมืออาชีพก็ว่าได้ ยอมรับว่าทุกวันนี้ตนก็ยังพูดกับทางเพื่อน ๆ ว่าช่วงโควิดที่ผ่านมาเขาเองคงไปหลอกคนไม่ได้เยอะแน่เลย เพราะเศรษฐกิจไม่ดี แต่ใครจะทราบว่าเขาเองยังเช่าคอนโดหรูอยู่สบาย ทิ้งให้ตนเป็นทุกข์ถึงขั้นนอนไม่หลับ กินไม่ได้ช่วงหนึ่ง

ขณะที่พฤติกรรมที่ผ่านมาเวลาเขายืมเงินแล้วเอาเงินมาคืน เขามักจะให้ดอกเบี้ย เช่นยืม 4,000 คืน 4,500 บาท เป็นแบบนี้หลายครั้ง จนตนเองก็รู้สึกเกรงใจและไม่กล้ารับ รวมไปเวลาเจามาทำผมจะมักให้ทิปเยอะ ที่ผ่านมาเขาจะมาคนเดียว หรือไม่ก็มากับผู้ชายสูงขาว บอกว่าเป็นน้องชื่อ "ธอ" รวมไปถึงเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งเขาเองเคยพาผู้หญิงอายุประมาณ 20 ปีอีก 3 คน บอกว่าเป็นพนักงานที่ร้านจิลเวอร์รี่มาทำผมที่ร้าน รวมไปถึงเคยพาผู้ชายเกาหลี 1 คนมาทำผม อ้างว่าเป็นสามีที่จะแต่งงาน ส่วนเรื่องเชิญชวนทำธุรกิจ หรือลัทธิความเชื่อ ไม่เคยมีประเด็นนี้ เขาไม่เคยชวนทำบุญหรือชวนร่วมลงทุน จะพูดเเค่เรื่องธุรกิจร้านจิวเวอรี่ และมีการโทรคุยกับลูกค้าเหมือนดีลขายจิลเวอรี่จำนวนหลักแสนบาทบ่อยครั้ง

695228

ทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของนายตรีเพชรรัตน ณพชร อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาอีกราย พบว่าบ้านของเจ้าตัวนั้นอยู่ย่านรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ นายอมร (นามสมมุติ) อาของนายเพชร หรือชื่อเดิม พีท ยอมรับว่าเขาเองนั้นมาอยู่กับตนและดูแลส่งเรียนมาตั้งแต่ ม.2 หลังจากที่แม่ของเขาเสียชีวิต พ่อของเขาไปมีครอบครัวใหม่ที่ต่างจังหวัด ที่ผ่านมาทางเพชรเองออกจากบ้านและขาดการติดต่อกับทางญาติไปตั้งแต่ช่วงเดือน ม.ค.65

ทางญาติทราบแค่ว่าเขาเองไปรู้จักกับนายฮารุ เมื่อช่วงปลายปี 2564 ก่อนที่ทางนายฮารุขอเขาเป็นแฟน ตอนนั้นเองทางญาติก็ยังงง เพราะนายเพชรเองเขาก็ไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่มาทราบทีหลังว่าทางนายฮารุนั้นคล้ายเอาใจและเปย์ ทำให้หลานใจอ่อน และยอมคบหาดูใจ ก่อนที่จะมาชักชวนให้ทางหลานชายของตนออกจากบ้าน มาอ้างว่าจะเอาหลานไปดู รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง พร้อมจะให้เซ็นสัญญาเป็นศิลปิน ครอบครัวด้วยความที่ตอนนั้นเขาเองก็โตแล้ว ให้เขาตัดสินใจเอง นายฮารุมารับที่บ้าน แต่ทางญาติไม่เคยเห็นหน้า เพราะเขาไม่ลงจากรถ

หลังจากนั้น หลานของตนไปอยู่กับนายฮารุ กลับพบว่าเขาเองเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป คือจะไม่สามารถติดต่อเขาได้ บล็อกและลบไลน์ของญาติทุกคน เปลี่ยนเบอร์หรือเปลี่ยนเฟซบุ๊ก ติดต่อมาแค่ 2-3 ครั้ง ครั้งแรกที่ติดต่อมาคือประมาณเดือน เม.ย. 65 เขาได้โทรมาหาน้อเขาอีกคน ประมาณมาระบายว่าตอนนี้เขาเองรู้สึกอึดอัด มาอยู่ที่นี่จะมีทางผู้หญิงที่เป็นพยาบาลอยู่ด้วย 3 คน มีการจับตามองตนตลอดเวลา รวมไปถึงยังมีกล้องวงจรปิดจับภาพและเสียงดูความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ไม่มีความเป็นส่วนตัว ที่จำได้เหมือนว่าเขาเองโดนจับโกนหัวด้วย พอตนจะเข้าไปหา แต่เขากลับไม่บอกรายละเอียด ก่อนจะหายไป

หลังจากนั้นผ่านไป 2-3 เดือนเขาก็ติดต่อมาอีกครั้ง บอกว่าจะย้ายมหาวิทยาลัยเลยจะขอทะเบียนบ้าน ตนก็บอกให้เขามาเอา แต่เขากลับส่งไรเดอร์มาเอาแทน และก็หายไปอีกรอบ ต่อมาก่อนเกิดเหตุไม่นาน ก็ติดต่อมาแต่ลักษณะการพูดจาเขาเปลี่ยนไป เหมือนเปลี่ยนไปอีกคน พยาบามจะพูดอย่างไรก็ได้ให้ทางตนรู้สึกไม่พอใจ และเกลียดเขา หรือทำให้โมโหจนไม่อยากคุยกับเขา ทั้งที่ตอนที่เขาเองอยู่กับตนเป็นคนที่ค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ดื้อ พูดไรจะเชื่อฟัง เป็นคนหัวอ่อน และเชื่อคนง่าย

ตนยืนยันว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทางญาติเองไม่ทราบเรื่อง มองว่าตอนนี้ทางหลานของเขาเองอาจจะเป็นหนึ่งในผู้โดนกระทำด้วย แต่มันยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาเองไม่กล้าพูดความจริงออกมา เนื่องจากช่วงที่ญาติไปพูดคุยกับเขาเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ก่อนที่จะนำตัวส่งศาลนั้น นายเพชรยังคงพูดจาปกป้องนายฮารุ ลักษณะว่าทางพยาบาลทั้ง 3 ราย เป็นคนกระทำทางฮารุ ตอนนี้ตนเองไม่ทราบว่าสิ่งที่หลานพูดออกมานั้นคือความจริง หรือโดนล้างสองหรือไม่ ตนทำได้แค่บอกให้เขาพูดความจริง

ก่อนที่นายฮารุจะมาชวนหลานของตนไปอยู่ด้วยนั้น ทราบจากหลานว่าเขาเองเป็นลูกครึ่งเกาหลีหรือญี่ปุ่น บ้านมีฐานะ พร้อมจ่ายค่าดูแลให้ ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ตนและญาติไม่ทราบ ยอมรับว่าตอนทราบเรื่องทางญาติเองนึกว่าเรื่องคดีทำร้ายร่างกาย พอไปถึงก็ตกใจคงปล่อยให้เป็นเรื่องของคดีหลังจากนี้

 

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม