กรณีร.ต.ท.ธิติ นกจันทร์ รองสว.(สอบสวน) สภ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี รับแจ้งเหตุชายถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.ดอนตาเพชร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณแปลงปลูกผักหลังบ้าน พบศพนายสมภพ น้ำใจตรง อายุ 41 ปี เจ้าของบ้าน นอนคว่ำหน้า มีบาดแผลถูกยิงเข้าใบหน้าและลำตัว รวม 5 นัด ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นางเตือนใจ ชำนาญเรือ อายุ 55 ปี น้าสะใภ้ ซึ่งบ้านอยู่ติดกัน กำลังยืนร้องไห้และรอมอบตัวพร้อมอาวุธปืนขนาด 11 มม. ของผู้เป็นสามี
ทั้งนี้ ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิด ความยาว 4.07 นาที จับภาพก่อนที่กล้องจะชำรุด โดยวินาทีที่ 3.55 จับภาพ มีบางอย่างมากระทบกับกล้องวงจรปิดจนหล่นลงมา คาดว่านายสมภพ นำตะขอมาเขี่ยกล้องวงจรปิดที่ด้านข้างบ้าน จนกล้องชำรุด
ล่าสุดวันที่ 4 เม.ย. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ สภ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่นั้น กำลังอยู่ในระหว่างการนำตัวนางเตือนใจ ชำนาญเรือ อายุ 55 ปี ผู้ก่อเหตุ ส่งฝากขังศาล
ทีมข่าวจึงเข้าไปพูดคุยกับ นางเตือนใจ น้าสะใภ้ของผู้เสียชีวิต ขณะที่พูดคุยนางเตือนใจ มีอาการสะอึกสะอื้น และร้องไห้ออกมา ก่อนจะลุกเดินหนีทีมข่าวไปนั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง ทีมข่าวจึงพยายามสอบถามเหตุการณ์ นางเตือนใจ กล่าวด้วยเสียงสะอื้นว่า ขณะนี้ตนยังไม่ได้กินข้าว ทำใจไม่ได้ เพราะเลี้ยงผู้เสียชีวิตมากับมือตัวเอง แต่เขากลับพูดจารุนแรงใส่ตนเช่นนี้ จากนั้นลูกสาวของนางเตือนใจ ได้เดินเข้ามาและขอไม่ให้สัมภาษณ์ พร้อมกับพานางเตือนใจ เดินออกไปนั่งสงบสติอารมณ์
นายเฉลิมชัย ชำนาญเรือ อายุ 55 ปี สามีของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (3 เม.ย.65) ภรรยาของตนมีปากเสียงกับผู้เสียชีวิต เกี่ยวกับเรื่องกำแพงบ้านที่มีปัญหาเรื้อรังมานาน แต่สะสางไม่ได้เสียที ผู้เสียชีวิตจึงพูดจาหยาบคายใส่ภรรยาของตน แต่ตนไม่ทราบว่าพูดอะไรบ้าง จนทำให้ภรรยาของตนซึ่งอดทนมานานบันดาลโทสะ คว้าปืนยิงใส่ทันที โดยยิงออกไปประมาณ 5 นัด กระสุนเจาะเข้าที่ศีรษะ 4 รู และสะโพกอีก 1 รู เมื่อตนได้ยินเสียงปืนก็รีบวิ่งออกมาดู จึงพบว่าผู้ตายวิ่งไปเสียชีวิตอยู่ที่ด้านหลังบ้าน ส่วนภรรยาของตนก็ได้แต่ยืนตกใจและร้องไห้ไม่ยอมหยุด
สำหรับปืนกระบอกที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนของตน ก่อนหน้านี้ภรรยานำไปแอบเอาไว้ เพราะกลัวว่าหากตนโมโหผู้เสียชีวิต ตนอาจจะนำปืนดังกล่าวไปยิง แต่สุดท้ายกลับเป็นตัวภรรยาเสียเองที่ใช้ปืนดังกล่าว ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่าตนไม่มีความคิดที่จะยิงผู้ตายแน่นอน เพราะตนสวดมนต์ นั่งสมาธิทุกวัน ส่วนภรรยาก็ใส่บาตรทุกวัน แต่ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องเช่นนี้
ทั้งนี้ ภรรยาของตนกับผู้เสียชีวิตสนิทกันมาก ๆ และภรรยาก็รักเขาเหมือนลูก ๆ เพราะเคยเลี้ยงมากับมือตั้งแต่เล็ก ๆ เวลามีอะไรก็ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเสมอ ๆ เช่น ค่าซ่อมรถ ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุตนคิดว่าน่าจะมาจากการสร้างรั้วบ้าน เมื่อ 5 เดือนก่อน ผู้เสียชีวิตมีปัญหาเลิกรากับภรรยา และย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังนี้ ซึ่งช่วงแรก ๆ ที่กลับมาอยู่ที่บ้านก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน และพูดคุยกันดี กระทั่งช่วงที่ตนกำลังจะสร้างบ้าน ผู้เสียชีวิตขอให้ตนสร้างรั้วบ้าน เพื่อป้องกันปัญหารุกล้ำที่ดิน ตนก็สร้างให้ หลังจากที่สร้างกำแพงเสร็จ ผู้เสียชีวิตกล่าวหาว่า ตนไปสร้างกำแพงล้ำที่ดินของเขา
"หลังจากนั้นเขาก็เริ่มมีพฤติกรรมก่อกวน เช่น เปิดเพลงเสียงดัง ทุบฝาบ้าน ทั้ง ๆ ที่นอนหลับอยู่ พอผมไปแจ้งความ ตำรวจก็แนะนำให้ติดกล้องวงจรปิด เพื่อนำมาเป็นหลักฐาน ผมก็ติดกล้อง ซึ่งช่วงแรกที่ติดกล้องวงปิดเขาก็เริ่มไม่ค่อยมาก่อกวน แต่ติดไปได้ไม่นานก็พบว่ากล้องวงจรปิดถูกคนนำไม้มาตี จนไม่สามารถใช้งานได้ และคนที่ทำก็น่าจะเป็นผู้ตาย แต่ผมก็อยากขอโทษครอบครัวผู้ตาย และจะเข้าไปร่วมงานศพ แล้วก็อยากขอความเป็นธรรมให้กับเมียผมด้วย" สามีของผู้ก่อเหตุ กล่าวทิ้งท้าย
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ หมู่ที่ 6 ต.ดอนตาเพชร อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี ซึ่งบ้านพักของผู้เสียชีวิต และผู้ก่อเหตุ ปลูกอยู่ติดกัน โดยมีกำแพงบ้านกับรั้วกั้นไว้ระหว่าง 2 บ้าน ซึ่งจุดที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าบ้านของผู้เสียชีวิต โดยผู้ก่อเหตุได้ยิงมาจากบ้านของตัวเอง ก่อนจะตามไล่ยิงเข้ามาในบ้านจนเสียชีวิตอยู่ด้านหลังบ้าน ขณะที่ลงพื้นที่พบว่า มีรอยกระสุนอยู่บริเวณสังกะสีที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน และป้ายทะเบียนรถมีรูกระสุนด้วย
ทั้งนี้บ้านของผู้ก่อเหตุ ลักษณะเป็นบ้านพักสีฟ้า สองหลังตั้งติดกัน มีรั้วกั้นอยู่หน้าบ้าน ส่วนบ้านของผู้ตายเป็นบ้านพักไม่มีรั้วกั้น มีชั้นเดียว ส่วนจุดที่มีปัญหากันนั้น พบว่า เป็นพื้นที่บริเวณกำแพงด้านหลังบ้าน สังเกตเห็นว่า มีการสร้างปล่องระบายอากาศยื่นออกมาในตัวบ้านของผู้ตาย และพบว่า มีรอยปูนที่นำมาโบกท่อน้ำไว้ ใกล้ๆกัน บริเวณหลังคาหน้าบ้าน มีกล้องวงจรปิดตั้งอยู่
จากการสอบถาม นางสาวประนอม ชำนาญเรือ อายุ 61 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า นายสมภพ เพิ่งจะย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านได้ไม่นาน และส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่คนเดียว เพราะตนจะเข้าไปทำงานในเมือง กระทั่งเริ่มมีปัญหากับน้าสะใภ้เรื่องรั้วบ้าน เนื่องจากน้าสะใภ้สร้างปล่องระบายอากาศของห้องน้ำ ตรงกับที่ห้องครัวของนายสมภพ และยังสร้างท่อน้ำเข้ามาในตัวบ้าน ตนพยายามกล่าวเตือนเสมอ ๆ ว่า อย่าไปมีปัญหากัน แต่สุดท้ายก็มีเรื่องขึ้นโรงพัก
ขณะที่ไปลงบันทึกประจำวัน ตำรวจก็ให้ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ยกัน เพราะเป็นญาติพี่น้องกัน โดยให้น้าสะใภ้ปรับปรุงเรื่องบ้าน จำนวน 3 จุด ได้แก่ สร้างรางน้ำ หากฝนตกน้ำจะได้ไหลไปจุดอื่น ไม่ไหลเข้าบ้าน และย้ายปล่องระบายอากาศ ท่อน้ำที่ยื่นเข้ามาในบ้าน แต่หลังจากนั้นกลับไม่เป็นไปตามที่ตกลงกัน น้าสะใภ้ได้แก้ไขท่อน้ำด้วยการนำปูนมาโบกท่อน้ำไว้ จนเหมือนมีจอมปลวกขึ้นอยู่ข้างบ้าน และติดตั้งกล้องวงจรปิดส่องเข้ามาในบ้านอีก ด้วยเหตุนี้นายสมภพ จึงนำไม้ไปเขี่ยกล้องวงจรปิดออกจนทำให้มีปัญหาด่าทอกัน
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบว่านายสมภพ ไปด่าทอด้วยคำว่าอะไร เพราะตนไม่เห็นเหตุการณ์ แต่ตนมองว่าทั้งคู่เคยสนิทกัน และดูแลกันมานาน ตนจึงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำร้ายกันถึงขั้นเสียชีวิต สาเหตุหลัก ๆ ก็คงมาจากปัญหาเรื่องบ้าน ไม่ใช่เรื่องที่นายสมภพ เลิกกับภรรยาอย่างแน่นอน ทั้งนี้ หากครอบครัวของผู้ก่อเหตุจะเข้ามาขอขมาศพ ตนก็ไม่ได้ขัดข้อง เพราะถือว่าเป็นญาติพี่น้องกัน แต่ในเรื่องของคดีความก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย
