Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เสพติดคลิปสั้น ภัยร้ายทางปัญญา สมองล้าและคิดไม่เป็น

เสพติดคลิปสั้น ภัยร้ายทางปัญญา สมองล้าและคิดไม่เป็น

19 พ.ย. 68
17:00 น.
แชร์

ทำไมเด็กๆ ถึงต้องอยู่ให้ห่างจาก "คอนเทนต์คุณภาพต่ำ" หรือดู "คลิปสั้น" ในระยะเวลาและเนื้อหาที่เหมาะสม
รู้จักกลไกทำลายสมอง-พฤติกรรมอย่างเป็นระบบ ที่สุดท้ายเราจะกลายเป็นมนุษย์ที่บกพร่องด้าน "ปัญญา"

ทุกวันนี้เราเลื่อนฟีดจนเป็นเรื่องปกติ เห็นคลิป 10 วินาที จบแล้วดูต่อไปอีกสิบคลิปแบบไม่รู้ตัว หลายคนบอกว่า “ก็แค่ดูเพลิน ๆ” แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองกลับพบว่า การเสพคอนเทนต์สั้น ๆ เหล่านี้ ไม่ได้แค่แย่งเวลาเราเท่านั้น แต่มัน “แย่งโครงสร้างสมอง” ไปด้วย

นี่คือภาพรวมที่เข้าใจง่ายที่สุดของสิ่งที่เกิดขึ้นกับสมองเมื่อเราเสพคอนเทนต์เร็ว ๆ ซ้ำ ๆ ทุกวันแบบไม่รู้ตัว

คอนเทนต์สั้นคืออะไร ทำไมดูเหมือนไม่อันตราย แต่ติดง่ายมาก

คอนเทนต์สั้นคือวิดีโอหรือโพสต์ที่ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีในการดู ถูกออกแบบให้ “อร่อยแบบขนมกรุบกรอบ” คือเสพง่าย สนุกเร็ว ไม่ต้องคิดลึก และตอบแทนทันทีด้วยความรู้สึกดีแบบวูบหนึ่ง

แพลตฟอร์มต่าง ๆ วางระบบมาเพื่อสิ่งเดียว คือ “ให้คุณอยู่ในแอปนานที่สุด” อัลกอริทึมเรียนรู้ว่าคุณชอบอะไร แล้วป้อนเพิ่มแบบไม่หยุดพัก คล้ายคนที่คอยเติมขนมเข้าปากเราแม้ยังไม่เคี้ยวคำเดิมเสร็จ ผลลัพธ์คือสมองได้รับรางวัลเร็วเกินไป จนระบบรางวัลที่ปกติทำงานกับกิจกรรมจริงในชีวิต เริ่มถูกแย่งพื้นที่ไปทีละนิด

การไฮแจ็คสมอง : เมื่อโดปามีนถูกเร่งจนสมองชินกับ “ความวูบไว”

โดปามีน คือสารแห่งแรงจูงใจและความสุข สมองชอบมัน แต่คอนเทนต์สั้นทำให้โดปามีนหลั่งแบบผิดธรรมชาติ คือหลั่งเร็วและต่อเนื่องโดยที่เราไม่ต้องพยายามเลย

ปัญหาคือ เมื่อโดปามีนถูกกระตุ้นแบบไวเกินไป สมองจะค่อย ๆ ชิน จนกิจกรรมปกติ เช่น อ่านหนังสือ ทำงานอดิเรก หรือแม้แต่ออกไปเจอเพื่อน กลายเป็นเรื่องที่ “ไม่วูบพอ” แล้วก็ไม่น่าสนใจเหมือนเดิม

ในทางประสาทวิทยา สิ่งนี้เรียกว่า Reward System Hijacking คือสมองถูกคอนเทนต์สั้นแย่งการควบคุมไป กลายเป็นวงจรเสพติดที่ค่อย ๆ กัดกร่อนความสุขจากชีวิตจริง

สมองส่วนควบคุมตัวเองอ่อนแรงลงจริง

เมื่อโดปามีนถูกรุกรานต่อเนื่อง สมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมสติ การตัดสินใจ และการยับยั้งชั่งใจ จะทำงานได้แย่ลง

งานวิจัยด้านการเสพติดดิจิทัลพบชัดว่า

• ตัวรับโดปามีน D2R ลดลง

• อัตราการใช้พลังงานของสมองส่วนหน้าแผ่วลง

• พฤติกรรม “บีบบังคับ” (เช่น เลื่อนฟีดโดยไม่รู้ตัว) เกิดง่ายขึ้น

สมองเหมือนเครื่องยนต์ที่คันเร่งค้าง แต่เบรกเสีย ทำให้เราอยากเสพต่อแม้รู้ว่าควรหยุด

ทำไม IQ และสมรรถนะการคิดเชิงลึกลดลง

ผลที่ตามมาของระบบรางวัลที่ถูกรบกวน คือความสามารถด้านสมาธิและความอดทนลดลง เพราะสมองถูกฝึกให้คาดหวัง “รางวัลทันที” ตลอดเวลา

คอนเทนต์ไว ๆ ทำให้เราชินกับการรับข้อมูลแบบสั้น ๆ กระจัดกระจาย ไม่ต้องใช้ตรรกะหรือกระบวนการคิดเชิงลึก ผลคือ

• สมาธิสั้นลง

• ความอดทนต่อการคิดยาว ๆ ลดลง

• การวิเคราะห์ข้อมูลลดลง

• และพบในงานวิจัยว่า IQ ของผู้ติดสื่อมีค่าต่ำลงเมื่อเทียบกับกลุ่มปกติ

นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะการคิดเชิงลึกคือทักษะหลักในการป้องกันตัวจากข่าวปลอม การชักจูง และการตัดสินใจผิดพลาดในชีวิตจริง

สมองล้า คิดไม่ออก ลืมง่าย : เมื่อข้อมูลเยอะเกินจนสมองทำงานไม่ไหว

การเลื่อนฟีดแบบไม่หยุดพักทำให้สมองรับข้อมูลจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว จนเกิดภาวะ Information Overload สมองที่ถูกใช้งานเกินกำลังจะตอบสนองด้วยอาการ

• มึน ๆ งง ๆ

• เกิดภาวะ Brain Fog หรือ ภาวะสมองล้า

• ตัดสินใจช้า

• ความจำผิดพลาด

ทั้งหมดคือการที่สมองล้าเกินไปจากข้อมูลจำนวนนับร้อยที่ไหลผ่านในเวลาแค่ไม่กี่นาที

ผลกระทบด้านอารมณ์ : เครียดง่าย วิตกกังวล และเสี่ยงซึมเศร้ามากขึ้น

คอนเทนต์ไม่ได้กระทบแค่สมอง แต่ยังสะเทือนอารมณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะเมื่อทั้งวันเราเจอ

• ข่าวร้าย

• ภาพความรุนแรง

• ความสำเร็จของคนอื่นที่ถูกปรุงแต่ง

• ความรู้สึกว่าต้องตอบ ต้องอัปเดต ต้องออนไลน์ตลอดเวลา

ทั้งหมดรวมกันเกิดเป็น Doomscrolling (ดุมสโครลลิ่ง) คือรู้อยู่เต็มอกว่ามันเครียด แต่มือก็ยังเลื่อนหาเนื้อหาร้าย ๆ ต่อไปแบบหยุดไม่ได้ ภาวะนี้เชื่อมโยงกับความเหงา ความวิตกกังวล และอารมณ์แปรปรวน เพราะสมองถูกกระตุ้นทั้งทางบวกและลบแบบไม่หยุดพัก จนระบบจัดการอารมณ์ล้าไปด้วย

ทำไมนอนดึกจากการเลื่อนฟีดจึงทำร้ายสมองหนักมาก

การนอนคือกระบวนการฟื้นฟูโดปามีน ฟื้นฟูสมาธิ และล้างของเสียในสมอง แต่การเลื่อนฟีดตอนดึก ๆ ทำให้

• สมองตื่นตัวเกินไป

• ฮอร์โมนนอนหลับลดลง

• วงจรการฟื้นฟูโดปามีนเสียสมดุล

เมื่ออดนอน สมาธิและอารมณ์จะยิ่งพังหนักขึ้น วนลูปซ้ำไปมาในลักษณะ วงจรทำลายตัวเอง

แล้วเราจะจัดการอย่างไรไม่ให้สมองถูกอัลกอริทึมครอบงำ?

1) Dopamine Detox แบบเข้าใจง่าย

ไม่ต้องเลิกโดปามีน แต่ “ลดของหวานทางสมอง” เช่น การเลื่อนฟีดแบบรวดเร็ว แล้วหันไปทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงบ้าง เช่น งานอดิเรก ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ 10 นาทีต่อวัน หรือคุยกับคนจริง ๆ เป้าคือให้สมองกลับมารู้สึกว่า “รางวัลจากชีวิตจริง” ก็วูบได้เหมือนกัน

2) ฝึกสมองส่วนหน้าให้กลับมาแข็งแรง

การทำสิ่งต่อไปนี้ช่วยฟื้น Executive Function

• การตั้งเวลาเลิกใช้มือถือก่อนนอน

• เลือกช่วงไม่แตะโซเชียลวันละ 1–2 ชั่วโมง

• ทำงานที่ต้องใช้สมาธิแบบโฟกัสสั้น ๆ (Pomodoro)

สมองส่วนหน้าจะกลับมาควบคุมพฤติกรรมได้ดีขึ้น

3) ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ อาจต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญ

การเสพติดดิจิทัลคือรูปแบบหนึ่งของ Behavioral Addiction (การติดพฤติกรรม) การบำบัดอย่าง CBT สามารถช่วยปรับพฤติกรรม บริหารแรงกระตุ้น และพัฒนาการควบคุมตัวเองได้จริง

4) โรงเรียนและมหาวิทยาลัยควรสอน Critical Thinking อย่างจริงจัง

ในยุคที่เราถูกป้อนข้อมูลเป็นนาที ๆ เด็กควรได้รับการฝึกโครงสร้างการคิด เช่น

• แยกข้ออ้าง – หลักฐาน – เหตุผล

• มองข้อมูลแบบเป็นระบบ

• กล้าปรับความคิดเมื่อพบข้อเท็จจริง เพราะสกิลนี้จะเป็นเกราะป้องกันที่ทรงพลังที่สุด

5) แพลตฟอร์มควรมีความรับผิดชอบ

คงไม่มีวันหยุดการป้อนคอนเทนต์สั้นได้ทั้งหมด แต่แพลตฟอร์มควรออกแบบเครื่องมือช่วยจัดการเวลาหน้าจอ และเพิ่มฟีเจอร์ที่สนับสนุนการเสพอย่างมีสติ ไม่ใช่แค่ไล่ล่าความสนใจของผู้ใช้

คอนเทนต์สั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ มันกำลัง "ปรับโครงสร้างสมอง" เราอยู่

การเสพคอนเทนต์สั้น ๆ ซ้ำ ๆ ไม่ได้ทำร้ายแค่สมาธิ แต่ส่งผลตั้งแต่ระบบโดปามีน โครงสร้างสมองส่วนหน้า ไปจนถึงความสามารถในการคิดลึก วิเคราะห์ข่าวปลอม ควบคุมอารมณ์ และคุณภาพการนอน

ไม่ต้องเลิกโซเชียล แต่ต้องรู้เท่าทันมัน เพราะเมื่อสมองเข้าใจว่าอะไรคือของจริง อะไรคือของหวานที่หลอกให้เราติด เราจะเลือกเสพอย่างมีสติ และไม่ปล่อยให้ของเล็ก ๆ อย่างคลิป 10 วินาที มาคุมชีวิตของเราได้ง่าย ๆ

อ้างอิง

1. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC4034340/

2. https://www.mdpi.com/2076-3425/2/3/347

3. https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC10251362/

4. https://www.frontiersin.org/journals/psychiatry/articles/10.3389/fpsyt.2023.1094583/full

5. https://med.stanford.edu/news/insights/2021/10/addictive-potential-of-social-media-explained.html

6. https://journals.plos.org/mentalhealth/article?id=10.1371/journal.pmen.0000022

7. https://www.researchgate.net/publication/371774358_Social_Media_and_Dopamine_Studying_Generation_Z_and_Dopamine_Levels

8. กรมสุขภาพจิต

9. theasianparent.com

Advertisement

แชร์
เสพติดคลิปสั้น ภัยร้ายทางปัญญา สมองล้าและคิดไม่เป็น