Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
Midlife Crisis วิกฤตวัยกลางคน คืออะไร ต่างจากโรคซึมเศร้าอย่างไร

Midlife Crisis วิกฤตวัยกลางคน คืออะไร ต่างจากโรคซึมเศร้าอย่างไร

21 พ.ค. 68
18:31 น.
แชร์

Midlife Crisis วิกฤตวัยกลางคน คืออะไร เกิดจากอะไร ใครเสี่ยงบ้าง อาการเป็นอย่างไร และมีวิธีการจัดการกับวิกฤตนี้อย่างไรบ้าง

กงล้อของเวลา มนุษย์ทุกคนล้วนต้องเดินทางผ่านช่วงต่างๆ ของชีวิต ตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และเข้าสู่วัยสูงอายุ ซึ่งแต่ละช่วงล้วนมีความท้าทายเฉพาะตัว

เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย แต่วัยกลางคนรู้จักคำว่าเหนื่อยราวกับเพื่อนสนิท ความวิตก ความสับสนมากที่สุดคือช่วง "วัยกลางคน" หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ Midlife Crisis วิกฤตวัยกลางคน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายคนต้องเผชิญกับคำถามในใจเกี่ยวกับความหมายของชีวิต ความสำเร็จ ความสัมพันธ์ และความตาย

Amarin Online จะพาไปสำรวจว่า Midlife Crisis คืออะไร เกิดจากอะไร ใครเสี่ยงบ้าง อาการเป็นอย่างไร และมีวิธีการจัดการกับวิกฤตนี้อย่างไรบ้าง

Midlife Crisis วิกฤตวัยกลางคน คืออะไร

Midlife Crisis เป็นคำที่ถูกบัญญัติขึ้นครั้งแรกโดยนักจิตวิเคราะห์ชาวแคนาดา Elliot Jaques (ดร.เอลเลียต จาคส์) ในปี 1965 โดยหมายถึงช่วงเวลาหนึ่งในวัยกลางคน (อายุประมาณ 40–60 ปี) ที่บุคคลอาจเผชิญกับความรู้สึกสับสน ไม่มั่นคง หรือหมดไฟในชีวิต โดยมักเกิดขึ้นเมื่อบุคคลเริ่มตั้งคำถามถึงความสำเร็จที่ผ่านมา ความฝันที่ยังไม่เป็นจริง หรือความกลัวต่อความตายที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

Midlife Crisis ไม่ได้เกิดกับทุกคน แต่สำหรับผู้ที่ประสบกับมัน มักเป็นช่วงเวลาที่ทรมานทั้งทางอารมณ์และจิตใจ บางคนอาจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างชัดเจน เช่น การลาออกจากงาน การเปลี่ยนคู่ครอง การใช้เงินฟุ่มเฟือย หรือแม้กระทั่งการหันไปพึ่งสิ่งเสพติด

สาเหตุของ Midlife Crisis วิกฤตวัยกลางคน

1. ความรู้สึกว่างเปล่าและหมดความหมายในชีวิต

เมื่อคนเราก้าวเข้าสู่วัยกลางคน หลายคนพบว่าตนเองได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ในวัยหนุ่มสาวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการมีครอบครัว การมีงานมั่นคง หรือการซื้อบ้าน แต่กลับรู้สึกว่า "แค่นี้หรือ?" ความสำเร็จไม่ได้เติมเต็มภายในเหมือนที่เคยคิดไว้เลย

2. การเปลี่ยนแปลงของร่างกายและสุขภาพ

วัยกลางคนเป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มแสดงอาการเสื่อมถอย ไม่ว่าจะเป็นผมหงอก น้ำหนักขึ้น สมรรถภาพทางเพศลดลง หรือเริ่มมีโรคประจำตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจว่า "เรากำลังแก่" และนำมาซึ่งความวิตกกังวล

3. การเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์

ลูกๆ โตขึ้นและเริ่มแยกตัวออกจากครอบครัว ความสัมพันธ์กับคู่ครองอาจเข้าสู่ช่วงที่ขาดความตื่นเต้น หรือเกิดความขัดแย้งสะสม การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้บางคนรู้สึกโดดเดี่ยวหรือไร้คุณค่า

4. ความตระหนักถึงเวลาอันจำกัด

หลายคนเริ่มรู้สึกว่าเวลาในชีวิตเหลือน้อยลง ความฝันบางอย่างอาจไม่มีวันเป็นจริง และนั่นก่อให้เกิดความกลัว ความเครียด หรือแม้แต่ ภาวะซึมเศร้า

อาการของ Midlife Crisis วิกฤตวัยกลางคน

อาการของ Midlife Crisis แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่อาจรวมถึงสิ่งต่อไปนี้

• รู้สึกไม่พอใจในชีวิต แม้จะมี "ทุกอย่างครบ"

• อยากเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เช่น เปลี่ยนงาน ย้ายบ้าน หรือเลิกกับคู่ครอง

• ใช้เงินฟุ่มเฟือย หรือซื้อของที่ไม่จำเป็น

• หวนคิดถึงอดีตบ่อยๆ และรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำบางสิ่ง

• หมกมุ่นกับรูปร่าง หน้าตา และการต่อต้านความแก่

• มีภาวะซึมเศร้า เครียด หรือวิตกกังวลมากขึ้น

• รู้สึกเบื่อหน่ายในสิ่งที่เคยชอบ หรือหมดไฟในสิ่งที่ทำอยู่

ใครบ้างที่เสี่ยงต่อ Midlife Crisis วิกฤตวัยกลางคน

แม้จะไม่ใช่ทุกคนที่ต้องเจอกับ Midlife Crisis แต่มีปัจจัยบางอย่างที่อาจเพิ่มความเสี่ยง ได้แก่

• บุคคลที่ยึดติดกับเป้าหมายในอดีตมากเกินไป

• ผู้ที่เคยเผชิญกับความล้มเหลวครั้งใหญ่ เช่น การหย่าร้าง หรือการล้มละลาย

• ผู้ที่มีความเครียดสะสมจากการทำงาน หรือหน้าที่ในครอบครัว

• ผู้ที่ขาดการสนับสนุนทางสังคม หรือไม่มีคนให้พูดคุยด้วย

Midlife Crisis ต่างจากภาวะซึมเศร้าอย่างไร ?

แม้ว่าจะมีอาการคล้ายกัน แต่ Midlife Crisis ไม่ถือว่าเป็นความเจ็บป่วยทางจิตอย่างเป็นทางการ ขณะที่ ภาวะซึมเศร้า (Depression) เป็นโรคที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์และต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง

Midlife Crisis มักเกิดชั่วคราว และสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงความคิด หรือพฤติกรรม แต่หากอาการรุนแรงมากขึ้นจนกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวัน อาจจำเป็นต้องพบผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต

วิธีรับมือและผ่านพ้น Midlife Crisis วิกฤตวัยกลางคน

1. ยอมรับความเปลี่ยนแปลง

การยอมรับว่าเราไม่สามารถย้อนวัยกลับไปได้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเยียวยา เมื่อยอมรับได้ เราจะสามารถมองหา "คุณค่าใหม่" ในชีวิตได้

2. ทบทวนชีวิตและตั้งเป้าหมายใหม่

ลองตั้งคำถามว่า "ตอนนี้อะไรสำคัญที่สุด?" และ "เรายังอยากทำอะไรอีกก่อนตาย?" การตั้งเป้าหมายที่สอดคล้องกับคุณค่าภายใน จะช่วยให้ชีวิตมีทิศทางมากขึ้น

3. สื่อสารและขอความช่วยเหลือ

การพูดคุยกับคู่ครอง เพื่อน หรือผู้เชี่ยวชาญ เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง อย่าเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว เพราะเราไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้

4. เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

ลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น เรียนดนตรี เขียนหนังสือ หรือไปเที่ยวคนเดียว การเรียนรู้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ และช่วยฟื้นฟูพลังใจ

5. ดูแลสุขภาพกายและใจ

การออกกำลังกาย นอนให้พอ รับประทานอาหารที่ดี ล้วนส่งผลต่อสมองและอารมณ์ และลดโอกาสเกิดวิกฤตทางจิตใจ

มุมมองทางวัฒนธรรมต่อ Midlife Crisis

ในโลกตะวันตก Midlife Crisis ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในสื่อภาพยนตร์และวรรณกรรม ขณะที่ในวัฒนธรรมตะวันออก เช่น ญี่ปุ่น หรือไทย มักไม่พูดถึงเรื่องนี้อย่างเปิดเผย อาจเนื่องจากค่านิยมที่ให้ความสำคัญกับความอดทน หรือไม่แสดงความรู้สึกอ่อนแอ

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยในหลายประเทศพบว่า คนทั่วโลกสามารถประสบกับ Midlife Crisis ได้ โดยไม่ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมหรือรายได้

Midlife Crisis ไม่ใช่โรคร้าย และไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่มนุษย์ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอก เป็นโอกาสในการทบทวนชีวิต และตั้งต้นใหม่อีกครั้งในครึ่งหลังของชีวิต หากเราเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง เราจะพบว่าวิกฤตนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเราก็ได้

Advertisement

แชร์
Midlife Crisis วิกฤตวัยกลางคน คืออะไร ต่างจากโรคซึมเศร้าอย่างไร