ฝนมาพาใจเศร้า รู้จัก "โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล" หรือ SAD สาเหตุ อาการ เช็กสัญญาณ อาการขั้นรุนแรง แนะควรพบแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ
การเปลี่ยนผ่านฤดูกาลมีผลอย่างชัดเจนต่อภาวะอารมณ์และสภาพจิตใจของมนุษย์ และในบางคนอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้ารุนแรงได้ ซึ่งเรียกว่า โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล Seasonal Affective Disorder หรือ SAD
โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล หรือ Seasonal Affective Disorder (SAD) เป็นภาวะทางอารมณ์ชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับฤดูกาล โดยมากมักเกิดในช่วงฤดูหนาว เมื่อแสงแดดน้อยลงและเวลากลางวันสั้นลง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีอาการคล้ายโรคซึมเศร้า แต่เกิดเฉพาะในช่วงเวลาหนึ่งของปี
ทั้งนี้ จาก istrong.co เผยว่า โรค SAD มักพบได้มากในกลุ่มคนที่อาศัยในประเทศที่ฤดูหนาวยาวนาน แต่ก็ยังพบได้มากพอสมควรในประเทศเขตร้อนอย่างประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงที่เปลี่ยนจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน
สาเหตุที่แท้จริงของ SAD ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่มีสมมติฐานหลัก ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
1. การเปลี่ยนแปลงของแสงแดด : การได้รับแสงน้อยลงอาจส่งผลต่อนาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) และการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งมีผลต่อการนอนและอารมณ์
2. ระดับเซโรโทนินต่ำ : แสงแดดน้อยอาจลดการผลิตสารสื่อประสาทชื่อเซโรโทนิน ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์
3. เมลาโทนินเพิ่มขึ้น : ร่างกายผลิตเมลาโทนินมากขึ้นในฤดูหนาว ทำให้รู้สึกง่วงหรืออ่อนเพลีย
อาการของโรค SAD มักคล้ายกับโรคซึมเศร้าทั่วไป แต่จะเกิดในรูปแบบซ้ำๆ ตามฤดูกาล โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่
• อารมณ์เศร้าหรือหดหู่ในแต่ละวัน
• ขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบ
• พลังงานลดลง เหนื่อยล้าแม้ไม่ทำกิจกรรมมาก
• ปัญหาในการนอน เช่น นอนมากเกินไป
• น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรืออยากทานของหวานหรือคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น
• ยากต่อการมีสมาธิหรือการตัดสินใจ
• รู้สึกไร้ค่า หรือมีความคิดทำร้ายตนเองในกรณีรุนแรง
ผู้ที่มีอาการ SAD ส่วนใหญ่จะเริ่มรู้สึกหดหู่ เหนื่อยล้า และขาดแรงจูงใจในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว และอาการมักจะดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อน
ในบางกรณี SAD อาจเกิดในฤดูร้อน แต่อาการจะแตกต่างออกไป เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หรือรู้สึกกระสับกระส่ายมากขึ้น
แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตจะวินิจฉัยโรค SAD โดยใช้หลักเกณฑ์จาก DSM-5 (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders, Fifth Edition) ซึ่งรวมถึง:
• อาการซึมเศร้าเกิดขึ้นตามฤดูกาลอย่างน้อย 2 ปีติดต่อกัน
• อาการหายไปหรือดีขึ้นในฤดูอื่น
• ไม่มีเหตุอื่นที่อธิบายอาการได้ดีไปกว่านี้
นอกจากนี้อาจมีการประเมินโดยใช้แบบสอบถามสุขภาพจิต และตรวจร่างกายเพื่อแยกโรคอื่น ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุ
การรักษาโรค SAD มีหลายวิธี ซึ่งอาจใช้ร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
1. การบำบัดด้วยแสง (Light Therapy)
• ใช้กล่องแสงพิเศษที่มีความสว่างประมาณ 10,000 ลักซ์ เป็นเวลา 20–30 นาทีต่อวันในตอนเช้า
• เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและนิยมใช้มากที่สุด โดยเฉพาะใน SAD ฤดูหนาว
2. จิตบำบัด (Cognitive Behavioral Therapy - CBT)
• ช่วยปรับความคิดเชิงลบ พฤติกรรม และเพิ่มการเผชิญหน้ากับภาวะซึมเศร้า
• CBT หรือ จิตบำบัดด้วยวิธีสนทนา แบบปรับให้เข้ากับฤดูกาล (CBT-SAD) มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการบำบัดด้วยแสง
3. ยา
• ยาต้านซึมเศร้า ตามความเหมาะสมและวินิจฉัยจากแพทย์ อาจใช้ในกรณีที่รุนแรงหรือมีอาการซ้ำซาก
4. การปรับวิถีชีวิต
• ออกกำลังกายเป็นประจำ
• ใช้เวลานอกบ้านในเวลากลางวัน
• จัดบ้านหรือที่ทำงานให้มีแสงธรรมชาติเข้าถึงมากขึ้น
แม้จะไม่สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ แต่มีวิธีลดความเสี่ยงหรือความรุนแรงของอาการ SAD
• เริ่มการบำบัดด้วยแสงตั้งแต่ก่อนฤดูที่เคยมีอาการ
• วางแผนกิจกรรมกลางแจ้งไว้ล่วงหน้า
• รักษาระเบียบการนอนและการกินให้สมดุล
• รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ระยะแรกของอาการ
ข้อมูลอ้างอิง
1. Mayo Clinic. (2022). Seasonal Affective Disorder (SAD). Retrieved from: https://www.mayoclinic.org
2. American Psychiatric Association. (2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (DSM-5).
3. National Institute of Mental Health (NIMH). (2023). Seasonal Affective Disorder. Retrieved from: https://www.nimh.nih.gov
4. Lam RW, Levitt AJ. (1999). Canadian Consensus Guidelines for the Treatment of Seasonal Affective Disorder. Clinical & Laboratory Haematology.
Advertisement