Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
จีนจะแก้วิกฤตไทย-กัมพูชาสำเร็จไหม? เมื่อสหรัฐฯ ล้มเหลว ข้อตกลงฯ โดนฉีก
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

จีนจะแก้วิกฤตไทย-กัมพูชาสำเร็จไหม? เมื่อสหรัฐฯ ล้มเหลว ข้อตกลงฯ โดนฉีก

19 ธ.ค. 68
13:52 น.
แชร์

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2025 นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ต่อสายโทรศัพท์หารือแยกกันกับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา และ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย

ด้านนายกัว เจียคุน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ประกาศว่า “ทั้งฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทยต่างแสดงความพร้อมที่จะลดระดับความตึงเครียดและดำเนินการหยุดยิง” ในโพสต์ดังกล่าวยังอ้างการแถลงของนายหวัง อี้ ที่ระบุว่า ในประเด็นปัญหาชายแดนกัมพูชา-ไทยนั้น จีนสนับสนุนการเจรจาอย่างสันติมาโดยตลอด และรักษาจุดยืนที่ยุติธรรมและเป็นกลาง พร้อมทั้งสนับสนุนความพยายามในการเป็นกลางของอาเซียน 

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนได้ส่งทูตพิเศษด้านกิจการเอเชียเดินทางไปยังกัมพูชาและไทยเพื่อดำเนินการทางการทูตแบบกระสวย (Shuttle Diplomacy) โดยจีนจะยังคงทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมและใช้ความพยายามอย่างสร้างสรรค์เพื่ออำนวยความสะดวกในการฟื้นฟูสันติภาพระหว่างทั้งสองประเทศต่อไป

ท่ามกลางการรายงานข่าวของสื่อสองประเทศรวมถึงสื่อต่างชาติว่าจีนเริ่มขยับแล้ว เพื่อเดินเกมการทูตยุติความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา และหากจีนทำได้สำเร็จจริง อาจเป็นการตอกหน้าสหรัฐฯ ว่านี่คือประเด็นที่สหรัฐฯ ล้มเหลวแต่จีนกลับแก้ปัญหาได้อย่างเด็ดขาด แต่จีนจะสำเร็จได้จริงไหมนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่ทั่วโลกเฝ้าจับตา Spotlight จึงได้รวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับบทบาทจีนในวิกฤตชายแดนไทยกับเพื่อนบ้านในครั้งนี้ จะมีจิ๊กซอว์ตัวสำคัญอะไรบ้าง ที่จะนำทั้งสองประเทศจับมือสู่สันติภาพได้จริง

จีน vs. สหรัฐฯ บนชายแดนไทย-กัมพูชา

สำนักข่าว The Straits Times ของสิงคโปร์ และ Bloomberg รายงานประเด็นที่จีนเริ่มเข้ามาแสดงบทบาทกาวใจระหว่างไทยและกัมพูชา หลังจากที่ทรัมป์อ้างว่าตนยุติศึกสำเร็จ โดยทั้งสองสำนักข่าวระบุว่า ประเทศจีนได้ส่งนักการทูตเดินทางไปยังกัมพูชาและไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า ได้ส่งนายเติ้ง สีจวิน ทูตพิเศษด้านกิจการเอเชียของจีนไปไกล่เกลี่ย เนื่องจากดีลข้อตกลงด้านสันติภาพที่ทรัมป์เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยก่อนหน้านี้กำลังล้มเหลวไม่เป็นท่า 

แม้ว่านายเติ้งจะเคยเดินทางมาเจรจาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง แต่ครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางครั้งแรกนับตั้งแต่มีการลงนามใน “ข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์” ซึ่งทำขึ้นในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ผลักดันให้เกิดสันติภาพ พร้อมคำข่มขู่ว่า จะตอบโต้ด้วยมาตรการทางการค้า หากประเทศใดละเมิดเงื่อนไขในดีลสันติภาพที่เขาจัดตั้งขึ้น แม้ทรัมป์ได้โทรศัพท์หาผู้นำทั้งสองประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อผลักดันการหยุดยิงอีกครั้ง แต่การสู้รบก็ยังคงดำเนินต่อไป

ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2025 กล่าวเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมว่า เขาได้ติดต่อกับผู้นำไทยและกัมพูชาเช่นกัน ซึ่งทั้งคู่ยืนยันว่า ต้องการแก้ไขความขัดแย้งชายแดนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ก่อนหน้านี้ จีนได้ติดต่อกับทั้งสองฝ่ายมาโดยตลอด แต่เน้นการรักษาท่าทีที่เงียบกว่าสหรัฐฯ เนื่องจากโดยปกติแล้วปักกิ่งจะหลีกเลี่ยงการแทรกแซงความขัดแย้งอย่างเปิดเผย นอกเหนือจากการพยายามอำนวยความสะดวกในการหารือ ในขณะที่รัฐบาลทรัมป์พยายามเน้นย้ำว่า จีนไม่ได้มีบทบาทในกระบวนการสันติภาพครั้งนี้เลย ความเคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้นของจีนครั้งนี้ จึงถูกมองว่าเป็นการแสดงอำนาจให้เห็นว่าจีนยังคงมีอิทธิพลเหนือภูมิภาคนี้อย่างมาก

ขณะที่จีนไม่ได้ออกมาปฏิเสธอย่างชัดเจน ประเด็นส่งอาวุธให้กัมพูชา โดยการเดินทางของนายเติ้งเกิดขึ้นในช่วงที่การใช้อาวุธจีนของกัมพูชากลายเป็นจุดสนใจ หลังจากมีรายงานว่า กองทัพไทยยึดอาวุธที่ผลิตโดยจีนจำนวนมากจากทหารกัมพูชา นายกัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธข่าวนี้ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม แต่ย้ำว่า ปักกิ่งมี “ความร่วมมือด้านกลาโหมตามปกติ” กับทั้งสองประเทศ และความร่วมมือดังกล่าวไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ฝ่ายที่สามแต่อย่างใด

จีนห้ามทัพ แต่ลับหลังคืออะไร?

สำนักข่าว The Diplomat ได้เขียนบทความกล่าวถึงบทบาทจีนที่มีต่อความขัดแย้งในครั้งนี้เช่นกัน บทความดังกล่าวมองว่า จีนมีอิทธิพลมหาศาลเหนือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทั้งไทยและกัมพูชา 

ผู้เขียนเชื่อว่าในการเฝ้าสังเกตความขัดแย้ง รัฐบาลปักกิ่งอาจสนับสนุนการโจมตีทางอากาศของไทยต่อแหล่งกบดานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาเป็นการส่วนตัว ซึ่งจีนก็พยายามปราบแก๊งสแกมเมอร์ในภูมิภาคนี้มาตั้งแต่ต้นปี เพราะเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพทางสังคมของจีน และเป็นความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อชาวจีน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน มีบทบาทโดดเด่นในระดับแกนนำขององค์กรอาชญากรรมเหล่านี้

ในเวลาเดียวกัน จีนน่าจะรู้สึกกังวลกับการที่กัมพูชาสูญเสียอาวุธต่อสู้รถถังรุ่นที่ 5 ที่ผลิตโดยจีน นั่นคือ GAM-102LR ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ หลังจากกองทัพไทยบุกยึดฐานทหารกัมพูชาบนเนิน 500 ในอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ความสูญเสียในลักษณะเดียวกันนี้น่าจะมีตามมาอีก และความขัดแย้งนี้จะเปิดเผยรายละเอียดทางเทคนิคและขีดความสามารถที่แท้จริงของระบบอาวุธจีนมากขึ้น

แทนที่จะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ที่นิ่งเฉย จีนได้สวมบทบาทเป็นผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง ปักกิ่งได้เรียกร้องอย่างเปิดเผยให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดกลั้น ในขณะที่ดำเนินทางการทูตหลังฉากเพื่อนำไปสู่การหยุดยิง

The Diplomat ฟันธง เหตุผล 3 ประการจีนเริ่มยื่นมือ

ผู้เขียนระบุว่า มีเหตุผลหลายประการที่จูงใจให้จีนยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง และปัจจัยเหล่านั้น อาจส่งผลให้จีนทำดีลสันติภาพระหว่างสองประเทศได้สำเร็จ ในแบบที่สหรัฐฯ ทำไม่ได้

  • ประการแรก: จีนเสียผลประโยชน์จากการสู้รบ

 ประการแรกและสำคัญที่สุด จีนมีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาลในทั้งไทยและกัมพูชา สงครามที่ยืดเยื้อระหว่างสองประเทศจะส่งผลเสียต่อผลตอบแทนจากการลงทุนของจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้การฟื้นฟูสันติภาพเป็นภารกิจเร่งด่วนสำหรับปักกิ่ง

จีนมีการลงทุนหลักและความสัมพันธ์ทางการค้าที่แข็งแกร่งกับกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในไทยนั้นใหญ่ยิ่งกว่า ในปี 2024 การค้าระหว่างจีนและไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 115,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมากกว่ามูลค่าการค้าระหว่างจีนกับกัมพูชาที่ 17,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถึง 6 เท่า ในปี 2024 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนในไทยอยู่ที่ประมาณ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ FDI ในกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 

จากตัวเลขเหล่านี้ จึงเห็นได้ชัดว่า เป็นผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจของจีนที่จะสร้างสันติภาพระหว่างสองประเทศ

  • ประการสอง: จีนเหนียวแน่นกับตระกูลปกครองทั้งสองประเทศ

รัฐบาลจีนมีความสัมพันธ์ทางการเมืองที่แน่นแฟ้นกับผู้นำของทั้งไทยและกัมพูชา จีนและไทยเพิ่งเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนกรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก 

ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ของรัฐบาลจีนกับตระกูลฮุนที่ปกครองกัมพูชาก็อยู่ในเกณฑ์ดี และจีนยังรักษาความสัมพันธ์อันยาวนานกับสถาบันพระมหากษัตริย์กัมพูชามาตั้งแต่ทศวรรษ 1950 เครือข่ายความสัมพันธ์ทางการเมืองระดับชนชั้นนำนี้ ทำให้รัฐบาลปักกิ่งมีต้นทุนทางการทูตที่สำคัญในการทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่มีประสิทธิภาพเพื่อเชื่อมโยงผู้นำของทั้งสองประเทศและหาทางลงจากเส้นทางสงคราม

  • ประการสาม: จีนต้องแข่งกับสหรัฐฯ 

ประการสุดท้ายและสำคัญไม่แพ้กัน คือแง่มุมทางภูมิรัฐศาสตร์ จีนจำเป็นต้องแข่งขันกับความพยายามสร้างสันติภาพของสหรัฐฯ และเพิ่มอิทธิพลของตนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับตั้งแต่กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้พยายามสร้างภาพลักษณ์ในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยอาศัยวิธีการทูตส่วนตัวที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้วและการข่มขู่ด้วยมาตรการภาษี 

ทรัมป์ได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการแก้ไขความขัดแย้งหลายประการ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม เพื่อประโยชน์ต่อชื่อเสียงของเขาและอิทธิพลของสหรัฐฯ ในวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา ร่วมกับผู้นำมาเลเซีย ไทย และกัมพูชา ทรัมป์ได้รับความสนใจอย่างมากในพิธีลงนามข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ในฐานะผู้ประสานงานหลักในการเจรจา

ความพยายามของทรัมป์ได้กระตุ้นให้จีนผลักดันโครงการริเริ่มสร้างสันติภาพของตนเอง ปักกิ่งถือว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็น "หลังบ้าน" ของตนมาโดยตลอด นอกจากการเป็นคู่ค้าชั้นนำของประเทศอาเซียนแล้ว จีนตั้งเป้าที่จะเสริมสร้างบทบาทของตนในกิจการความมั่นคงระดับภูมิภาคมากขึ้น รวมถึงการแก้ไขความขัดแย้ง ความพยายามทางการทูตที่ประสบความสำเร็จในด้านนี้จะเสริมสร้างสถานะของจีนในภูมิภาคและภาพลักษณ์ในฐานะตัวแสดงด้านความมั่นคงที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


แชร์
จีนจะแก้วิกฤตไทย-กัมพูชาสำเร็จไหม? เมื่อสหรัฐฯ ล้มเหลว ข้อตกลงฯ โดนฉีก