
14 ธันวาคม 2568 เกิดเหตุกราดยิงบริเวณหาดบอนได ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ผู้ต้องหาพุ่งเป้าไปที่งานฉลองของชุมชนยิว มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 16 คน เป็นผู้บริสุทธิ์ 15 คน และผู้ต้องสงสัย 1 คน บาดเจ็บอย่างน้อย 38 คน
เหตุเกิดเช้าวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม ราว 09.36 น. เมื่อชาวยิวมากกว่า 1,000 คนในซิดนีย์มารวมตัวกันเพื่อฉลองเทศกาลฮานุกกา (Hanukkah) หรือเทศกาลแห่งแสงสว่างวันแรก
เทศกาลดังกล่าวเป็นเทศกาลสำคัญของศาสนายูดาห์ เฉลิมฉลองกันนาน 8 วัน เพื่อระลึกถึงปาฏิหาริย์และการอุทิศพระวิหารที่สองในกรุงเยรูซาเล็ม ปีนี้ชาบัด (เครือข่ายชาวยิว) ในซิดนีย์จัดงาน “Chanukah by the Sea” กิจกรรมริมทะเล ฉลองช่วงเวลาแห่งแสงสว่างและความอบอุ่น และผู้จัดโปรโมทว่าจะมีการแสดงดนตรีสด เกม และความสนุกสนานอื่น ๆ
ผู้ต้องสงสัยเริ่มกราดยิงใส่ครอบครัวชาวยิวที่มาร่วมเฉลิมฉลองที่สวนสาธารณะอาร์เชอร์ ใกล้กับหาดบอนได หนังสือพิมพ์ Sydney Morning Herald กล่าวว่า ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด มีรถตำรวจหลายคันวิ่งเข้ามาในบริเวณใกล้เคียง และเห็นร่างคนนอนอยู่บนพื้น
ผู้เห็นเหตุการณ์อีกคนหนึ่งชื่อแบร์รี กล่าวกับผู้สื่อข่าว BBC ว่า เขาเข้าร่วมเทศกาลฮานุกกาที่หาดบอนไดกับลูก ๆ ได้ยินเสียงปืน และเห็นชาย 2 คนยืนอยู่บนสะพาน กราดยิงใส่ฝูงชน วิดีโอบนโซเชียลมีเดียเผยว่า จุดที่เกิดเหตุกราดยิงขึ้นอยู่ห่างจากบริเวณสนามเด็กเล่นเพียง 50 เมตรเท่านั้น
แถลงการณ์เมืองซิดนีย์กล่าวว่า มีผู้ “บริสุทธิ์” เสียชีวิต 15 คน เหยื่ออายุน้อยที่สุดคือเด็กหญิงวัย 10 ปี และมากที่สุดคือ 87 ปี ผู้บาดเจ็บราว 40 คนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดย 4 คนในจำนวนนั้นเป็นเด็ก
มาล แลนยอน ผู้บัญชาการตำรวจนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า กำลังสืบสวนการกราดยิง และเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยว่าเป็นชาย 2 คน แลนยอนกล่าวว่า คนพ่อเป็นสมาชิกชมรมยิงปืน และมีใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน
“เขาเป็นสมาชิกชมรมยิงปืน และมีสิทธิตามกฎหมายอาวุธปืนให้มีใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน [...] เขามีใบอนุญาตประเภท AB เพื่อการล่าสัตว์ ซึ่งสามารถครอบครองอาวุธปืนยาวที่เขาใช้ได้” แลนยอนกล่าว และเสริมว่า สำนักทะเบียนอาวุธปืนจะตรวจสอบใบอนุญาตทั้งหมด เพื่อตรวจสอบว่าบุคคลมีความเหมาะสมในการครอบครองอาวุธปืนหรือไม่
ผู้เป็นพ่อซาจิด อัครัม วัย 50 ปีเสียชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ ขณะที่ลูกวัย 24 นาวีน อัครัม ปีถูกส่งไปโรงพยาบาลเนื่องจากอาการอยู่ในภาวะวิกฤต
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีกฎหมายครอบครองอาวุธปืนเข้มข้นมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก หลังการสังหารหมู่ปี 1996 ที่ท่าเรืออาร์เธอร์ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 35 คนในรัฐแทสมาเนีย รัฐบาลได้แก้ไขกฎหมายครอบครองปืนของเอกชนอย่างรวดเร็ว
ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ปี 1996 ระบุว่า บุคคลใด “ต้องไม่ครอบครองหรือใช้อาวุธปืน อาวุธปืนต้องห้าม หรือปืนพก เว้นแต่บุคคลนั้นจะได้รับอนุญาตผ่านใบอนุญาตหรือใบอนุญาตพิเศษ” และคนที่ครอบครองอาวุธปืนทุกคนต้องมีใบอนุญาตและลงทะเบียนไว้
วิดีโออีกชุดหนึ่งที่ได้รับการเผยแพร่มากในโซเชียลมีเดียคือ ภาพชายคนหนึ่งวิ่งเข้าไปหาหนึ่งในผู้ต้องหาและปลดอาวุธปืนยาวออกมาได้ และหันปืนยาวยิงเข้าใส่มือปืน ทำให้มือปืนต้องล่าถอยไป
“ฮีโร่” หาดบอนไดคนนี้มีชื่อว่า อาเหม็ด อัล-อาเหม็ด วัย 43 ปี เป็นเจ้าของร้านผลไม้ ขณะนี้อาเหม็ดรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เตรียมเข้ารับการผ่าตัดเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากกระสุนปืนบริเวณแขนและมือ ถูกยิงราว 4-5 ครั้ง
นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย แอนโทนี อัลบาเนซี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือความชั่วร้ายล้วน ๆ
“สิ่งที่เราได้เห็นเมื่อวานนี้คือการกระทำที่มีแต่ความเลว เป็นการก่อการร้าย และเป็นการต่อต้านชาวยิว [...] นี่มีเป้าหมายสร้างความหวาดกลัว แต่เราจะยืนหยัดข้างชุมชนชาวยิว และชุมชนชาวยิวออสเตรเลียในช่วงเวลาอย่างนี้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
เขาเสริมว่า เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบกฎหมายครอบครองปืนของออสเตรเลียโดยละเอียด ย้ำว่าออสเตรเลียยืนอยู่ข้างชาวยิว และขอประณามการกระทำอันเป็นการก่อการร้าย
ประชาชนเริ่มนำดอกไม้ไปวางไว้อาลัยที่อนุสรณ์สถานหลังสวนบอนได ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ มีการแขวนธงชาติออสเตรเลียและอิสราเอลเคียงคู่กันหน้าประตูสวน ประชาชนที่มาวางดอกไม้ร้องไห้ด้วยความอาลัย