ยูเครนไม่ยอมเรื่องเขตแดน ดีลสันติภาพต้องไม่ผ่อนปรน
แม้ว่าการเจรจาข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามนาน 4 ปีระหว่างรัสเซียและยูเครนจะเป็นเป้าหมายของ 2 ประเทศ และชาติพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง แต่เซเลนสกีชี้ว่า “อธิปไตยดินแดนยูเครน” ยังคงเป็นประเด็นใหญ่ในการหารือครั้งนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2568 ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เข้าร่วมการหารือที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากประเทศสหภาพยุโรป (ฝรั่งเศส เยอรมนี, อิตาลี, โปแลนด์ และสหราชอาณาจักร) และสหรัฐฯ (สตีฟ วิตคอฟฟ์) เข้าร่วมด้วย เพื่อหารือยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
ปัญหาเขตแดน ความท้าทายสันติภาพยูเครน
เขากล่าวในแถลงการณ์เคียงคู่กับประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครงถึง “ความสำคัญ” อันดับแรก ๆ ของยูเครนคือ: การยืนยันด้านความมั่นคง, อธิปไตย, การป้องกันการผ่อนปรนในกรณีใด ๆ ที่อาจทำให้การยึดครองของรัสเซียเหนือพื้นที่ยูเครนกลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย
“ความท้าทายร้ายแรงที่สุดคือเรื่องเขตแดน” เซเลนสกีกล่าว
ตั้งแต่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนอย่างเต็มกำลังเมื่อปี 2022 กองทัพรัสเซียครอบครองดินแดนยูเครนกว่า 19% และรุกรานได้เร็วที่สุดในปีนี้ ยูเครนและชาติพันธมิตรยุโรปชี้ว่า นี่คือการรุกรานดินแดนแบบจักรวรรดินิยม
หลังการประชุมที่ยุโรป วิตคอฟฟ์ และลูกเขยของทรัมป์ จาเร็ด คุชเนอร์ มีแผนเดินทางไปคุยกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูตินวันนี้ (อังคารที่ 2 ธันวาคม 2568) ด้านเซเลนสกีกล่าวว่า เขาหวังจะได้คุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังการพูดคุยระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียสักหน่อย
รุสเตม อูเมรอฟ ที่ปรึกษาเซเลนสกีเผยว่า ได้ยืนยันจุดยืนไม่ยอมเสียดินแดนกับสหรัฐฯ ไปแล้วก่อนหน้า
“เราบอกฝ่ายอเมริกันไปแล้วว่า การที่รัสเซียจะรุกหน้าการยึดครองดินแดนของเรานั้นเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ และเรียกร้องให้สองฝ่ายให้สิทธิความชอบธรรมแก่กัน [...] การให้เรายอมสละดินแดนหมายความว่ากฎหมายระหว่างประเทศไม่มีอีกแล้ว และหมายความว่าใครจะใช้กำลังเพิกถอนอธิปไตยของใครก็ได้”
ด้านพันธมิตรยูเครน สหภาพยุโรปก็ยืนยันจุดยืน ไม่ให้ผ่อนปรนใด ๆ ต่อรัสเซีย และต้องส่งมอบดินแดนยูเครนภายใต้การยึดครองของรัสเซียกลับคืน และย้ำว่า “หากจะมีการแลกเปลี่ยนดินแดน ต้องเป็นการตัดสินใจของคนยูเครน”
ความกังวลการผ่อนปรนมีจุดเริ่มต้นจากเสียงหลุด
ข้อกังวลเรื่องการผ่อนปรนเอนเอียงไปทางรัสเซียนั้นปรากฏมากขึ้น หลังสำนักข่าวต่างประเทศ Bloomberg ได้เผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยด้านนโยบายต่างประเทศระดับสูงของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568
คลิปเสียงดังกล่าวเปิดเผยการสนทนาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 โดยวิตคอฟฟ์ให้คำแนะนำอูชาคอฟว่าควรเสนอแผนสันติภาพต่อทรัมป์อย่างไร และทำอย่างไรทรัมป์จึงจะพอใจ แนะนำว่าปูตินควรหยิบยกประเด็นต่าง ๆ อย่างไร ควรกล่าวชื่นชมความสำเร็จของแผนสันติภาพกาซาก่อน และยังเสนอให้มีการคุยทางโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวระหว่าง 2 ประธานาธิบดีด้วย
หลังคลิปเสียงถูกเผยแพร่ออกมา ดิมิทรี เพสคอฟ กล่าวว่า รัสเซียจะไม่ยอมผ่อนปรนแผนสันติภาพให้แก่เคียฟ พร้อมทั้งย้ำว่าแผนยังอีกยาวไกลกว่าจะบรรลุ และการเจรจาที่สหรัฐฯ เป็นตัวกลางนั้น “จริงจัง”
ด้านทรัมป์ชี้ว่า วิตคอฟฟ์เพียงทำหน้าที่ในฐานะ “นักเจรจามืออาชีพ” แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนกลับเห็นต่าง และเน้นย้ำว่าไม่ควรให้รัสเซียได้ประโยชน์
แผนสันติภาพ 28 ข้อ เป็นข้อเสนอจากสหรัฐฯ เพื่อสร้างกรอบยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และได้รับเสียงวิจารณ์ว่าเข้าข้างรัสเซียอย่างมาก ขณะนี้แผนยังอยู่ในรูปแบบร่างและยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
การโจมตีของรัสเซียครั้งล่าสุด
เช่นเดียวกับการเจรจาทางการทูต การโจมตีจากฝั่งรัสเซียยังดำเนินต่อไป เมื่อวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2568 รัสเซียโจมตีใจกลางเมืองดนีโปร (Dnipro) ของยูเครนด้วยมิสไซล์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน
วลาดีสลาฟ ไฮวาเนนโก รักษาการหัวหน้าคณะบริหารการทหารภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสก์กล่าวว่า ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีครั้งล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 43 คน และ 10 คนมีอาการสาหัส การโจมตีสร้างความเสียหายให้อาคารบ้านเรือนหลายหลัง 4 สถาบันการศึกษา อาคารสูงหลายแห่ง สถานีบริการหลายแห่ง และพาหนะกว่า 50 คัน
เขตดนีโปรอยู่ห่างชายแดนรัสเซียและยูเครนราว 100 กิโลเมตร เคยมีประชากรอยู่อาศัยกว่า 1 ล้านคนก่อนสงครามเริ่มต้น และมักเป็นเป้าการโจมตีของรัสเซีย
