
สำนักข่าว AP รายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยในอินโดนีเซียพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกหลายราย หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องจนทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่มบนเกาะสุมาตราเหนือ ยอดผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้เพิ่มขึ้นเป็น 23 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกกว่า 20 คน
สำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติอินโดนีเซียเปิดเผยว่า ทีมกู้ภัยกำลังประสบปัญหาในการเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยใน 11 เขตของจังหวัดสุมาตราเหนือ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้แม่น้ำหลายสายล้นตลิ่ง ซัดผ่านหมู่บ้านตามแนวภูเขา พร้อมกับดินโคลน หิน และต้นไม้ที่ถล่มลงมา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยมีดินโคลนปกคลุมพื้นที่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับไฟฟ้าดับและปัญหาการสื่อสารที่ตัดขาด ทำให้การค้นหาเป็นไปอย่างยากลำบาก
ทีมกู้ภัยสามารถกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้อย่างน้อย 8 ราย และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ 3 ราย ในเมืองซีโบลกา และขณะนี้อยู่ระหว่างการค้นหาชาวบ้านที่ยังคงสูญหายอย่างน้อย 21 คน ขณะที่ในเขตตาปานูลีกลาง ที่อยู่ใกล้เคียง ทั้งนี้ มีบ้านเรือนหลายหลังถูกดินถล่มถล่มทับ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คนจากครอบครัวเดียวกัน นอกจากนี้ น้ำท่วมยังได้เข้าท่วมบ้านเรือนและอาคารเกือบ 2,000 แห่ง ทำให้ผู้คนประมาณ 1,900 คนต้องอพยพไปหาที่พักพิงฉุกเฉิน
นายอับดุล มูฮารี โฆษกสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติของอินโดนีเซียกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 7 ศพในเขตตาปานูลีใต้ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มเป็น 8 ราย และเจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้าขุดโคลนและซากปรักหักพัง เพื่อค้นหาผู้ที่ยังคงติดอยู่ใต้ดิน 3 ราย หลังเกิดน้ำท่วมและดินถล่มที่ทำลายต้นไม้ ส่งผลให้ประชาชนมากกว่า 2,800 คนต้องอพยพไปยังที่พักพิงชั่วคราว เบื้องต้นมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ 58 คน
นายอับดุล มูฮารี กล่าวเพิ่มเติมว่า ดินถล่มยังทำลายบ้านเรือน 50 หลังในเขตตาปานูลีเหนือ และทำลายสะพานหลักอย่างน้อย 2 แห่งในภูมิภาค ขณะที่น้ำท่วมได้ตัดขาดสะพานในเขตมันดาอิลลิ่ง นาตัล และท่วมบ้านเรือนหลายร้อยหลังในเขตที่เป็นเนินเขาและเมืองปาดัง ซิดิมปวน ที่อยู่ใกล้เคียง
นายเฟอร์รี วาลินตูกัน โฆษกตำรวจภูธรจังหวัดสุมาตราเหนือ เปิดเผยว่า มีชาวบ้านเสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย เมื่อดินโคลนและซากปรักหักพังถล่มลงมาบนถนนสายหลักบนเกาะเนียส และพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย หลังเกิดดินถล่มในเขตปักปัก บาหราต
ภาพที่เผยแพร่ออกมาแสดงให้เห็นน้ำที่ไหลหลากลงมาจากหลังคา ขณะที่ชาวบ้านที่ตื่นตระหนกพยายามหาที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ในบางพื้นที่ น้ำป่าได้เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่พัดพาเอาท่อนไม้และเศษซากต่าง ๆ ลอยไปตามท้องถนน
นายเอ็ดดี้ อิงกันตา ผู้บัญชาการตำรวจเมืองซีโบลกา กล่าวว่า มีการจัดตั้งศูนย์พักพิงฉุกเฉินแล้ว และทางการได้เร่งให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงสูงอพยพทันที พร้อมเตือนว่าฝนที่ยังคงตกต่อเนื่องอาจกระตุ้นให้เกิดดินถล่มเพิ่มขึ้นอีก หลังดินถล่ม 6 ครั้งในเมืองที่เป็นเนินเขาแห่งนี้ได้พัดบ้านเรือน 17 หลังและห้างร้านราบเป็นหน้ากลอง
ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารนี้ เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติประกาศสิ้นสุดปฏิบัติการบรรเทาทุกข์อย่างเป็นทางการในสองพื้นที่บนเกาะชวา ซึ่งเป็นเกาะหลักของอินโดนีเซีย หลังจากการปฏิบัติงานเป็นเวลา 10 วัน โดยมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 1,000 คนถูกส่งไปค้นหาผู้ที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินถล่มที่เกิดจากฝนตกหนัก ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 38 ราย ในเขตซีลาคับ และบันจาเนการา ของชวากลาง
เมื่อปฏิบัติการสิ้นสุดลง มีรายงานผู้สูญหายอย่างน้อย 2 คนในซีลาคับ และ 11 คนในบันจาเนการา เนื่องจากพื้นดินที่ไม่มั่นคง สภาพอากาศเลวร้าย และความลึกและความกว้างของพื้นที่ดินถล่ม ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสูงต่อทีมกู้ภัยและผู้อยู่อาศัย
นอกจากนี้ ยังมีรายงานน้ำท่วมในจังหวัดอื่น ๆ อีกมากมายในหลายเขตของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีประชากรกว่า 280 ล้านคน รวมถึงอาเจะห์ และสุมาตราตะวันตก บ้านเรือนหลายร้อยหลังถูกน้ำท่วม บางแห่งท่วมสูงถึงหลังคา และถนนสายหลักถูกปิดกั้น
ฝนตามฤดูกาลที่ตกหนักในช่วงประมาณเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมมักทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีหมู่เกาะ 17,000 เกาะ และมีผู้คนนับล้านอาศัยอยู่ในพื้นที่ภูเขาหรือใกล้กับที่ราบลุ่มที่มีความอุดมสมบูรณ์