
สเปนยังคงเป็นหนึ่งในประเทศปลายทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลก ด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ แหล่งท่องเที่ยวสวยงาม อาหารเลิศรส และผู้คนที่อบอุ่น โดยในปี 2023 สเปนต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 85 ล้านคน และอีก 83.7 ล้านคนในปี 2024 ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกรกฎาคม 2025 สร้างรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 12,879 ล้านยูโร
เมืองชายทะเลทางตอนใต้ของสเปนอย่าง มาลากา คือหนึ่งในจุดหมายยอดนิยม ด้วยหาดทรายขาวสะอาด บรรยากาศสนุกสนาน และภูมิอากาศอบอุ่นตลอดปี ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกแห่กันมาไม่ขาดสาย
คอนสแตนติน นักท่องเที่ยวจากอังกฤษเล่าว่า “ผมเลือกมาลากาเพราะผมรักสเปน ที่นี่มีชายหาดและความบันเทิงครบทุกอย่าง”
แต่ความนิยมกลับสร้างผลข้างเคียงไม่คาดคิด เมื่อนักท่องเที่ยวล้นเมืองจนเกิดภาวะ “Overtourism” เมืองรับภาระเกินขีดจำกัด ทั้งการจราจรแออัด เสียงดัง และราคาค่าเช่าที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงเกินจริง
เบียทริซ ไจม์เนซ ชาวเมืองมาลากา เล่าว่า “ฉันเคยอยู่ใจกลางเมือง แต่ตอนนี้ต้องย้ายออกมาอยู่รอบนอก ทุกครั้งที่กลับเข้าเมือง เห็นแต่นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด มันไม่เหมือนเดิมเลย”
ขณะที่บางคนอย่าง เฟเดริโก กัธ นักท่องเที่ยวจากเยอรมนี ยังรู้สึกแปลกใจ “ผมไม่คิดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเยอะขนาดนี้ แต่โดยรวมที่นี่ก็ยังมีทางเลือกมากมาย ร้านอาหารดี ชายหาดใกล้มาก”
ในอีกมุมหนึ่ง ชาวเมืองจำนวนมากกลับรู้สึกว่าตนกำลัง “ถูกแย่งเมือง” ไปต่อหน้าต่อตา เมื่อบ้านในเขตเมืองถูกเปลี่ยนเป็นที่พักระยะสั้นหรือโฮมสเตย์เพื่อหารายได้จากนักท่องเที่ยว ทำให้ชาวบ้านต้องย้ายออกไปอยู่ชานเมือง และค่าครองชีพสูงขึ้นจนรับไม่ไหว
ผลลัพธ์คือการประท้วงปะทุขึ้นในหลายเมือง ทั้งมาลากาและกาดิซ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาจัดการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
กิเก เอสปาญาดี หนึ่งในผู้ประท้วงกล่าวว่า “เมืองกลายเป็นสวนสนุกไปแล้ว ค่าเช่าบ้านแพงเกินไป และบ้านพักนักท่องเที่ยวเข้ามาแทนที่บ้านของคนทั่วไป”
ขณะที่ จูเลีย ซาราเบีย ชาวเมืองวัยเกษียณเสริมว่า “ฉันไม่สามารถเช่าบ้านอยู่ได้เลย ต้องไปอยู่บ้านอุปถัมภ์แทน เพราะราคามันเกินกำลังจริง ๆ”
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอสังหาริมทรัพย์อย่าง อเลฮานโดร ริออส อธิบายว่า “ปัญหานี้ไม่ใช่เพราะนักท่องเที่ยว แต่เกิดจาก โมเดลการจัดการเมือง ที่มุ่งเน้นการเก็งกำไรและรายได้จากการท่องเที่ยวมากเกินไป เราจำเป็นต้องมีนโยบายควบคุมการใช้ที่อยู่อาศัยเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง”
สถานการณ์ “เมืองล้นนักท่องเที่ยว” ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในมาลากา แต่ยังลุกลามไปยังเมืองใหญ่อื่น ๆ อย่าง บาร์เซโลนา และ มาดริด ที่กำลังเผชิญปัญหาคล้ายกัน เมื่อรายได้จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่ชีวิตของคนในกลับถูกบีบให้แคบลงทุกที
เมืองบาร์เซโลนากำลังเผชิญแรงกดดันจากการท่องเที่ยวเกินขนาด ข้อมูลจากเทศบาลระบุว่า รายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นราว 13.5% ของจีดีพีของเมือง แต่ในขณะเดียวกัน ชาวบาร์เซโลนาราว 1.6 ล้านคน กลับมองว่า “การท่องเที่ยว” คือปัญหาใหญ่เป็นอันดับสามของเมือง
ชาวเมืองหลายคนต้องเผชิญปัญหาค่าเช่าที่อยู่อาศัยสูงขึ้น การย้ายถิ่นฐาน และการสูญเสียวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ณ อาคารแห่งหนึ่งใกล้สถานีรถไฟหลักของเมือง ผู้อาศัยกำลังต่อสู้คดีความกับเจ้าของอาคารที่ต้องการเปลี่ยนห้องพักกว่า 120 ยูนิตให้กลายเป็นที่พักระยะสั้นสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งกว่า 30 ห้องได้ถูกปรับเปลี่ยนไปแล้ว
เมลานี อันดราดา ผู้เช่า ระบุว่า “เราต้องหยุดเรื่องนี้ เพราะเจ้าของอาคารทำรายได้เดือนละ 9,000 ยูโรจากนักท่องเที่ยว ในขณะที่ได้เพียง 1,000 ยูโรจากพวกเรา ทำไมเขาจะไม่ทิ้งเราไปล่ะ? ปัญหาคือเราไม่สามารถปล่อยให้คนพวกนั้นทำอะไรที่พวกเขาต้องการได้ในบ้านของเรา”
นายกเทศมนตรี โฆเซ โคลโบนี จากพรรคสังคมนิยม ประกาศในเดือนมิถุนายน 2025 ว่า เมืองจะเพิกถอนใบอนุญาตอพาร์ตเมนต์ให้เช่าระยะสั้นประมาณ 10,000 แห่งภายในปี 2028 เพื่อควบคุมราคาที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูง
แต่สมาคมผู้ประกอบการอพาร์ตเมนต์ท่องเที่ยว Apartur ไม่เห็นด้วย และเตือนว่าพวกเขาจะเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 1,000 ล้านยูโร หากมาตรการเดินหน้าต่อ
รองนายกเทศมนตรี จอร์ดี วาลส์ ระบุว่า เมืองกำลังหาทางจัดการการท่องเที่ยวอย่างมีสมดุล เช่น ลดจำนวนเรือสำราญและพัฒนาอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อกระจายฐานเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นักวิชาการด้านภูมิศาสตร์ อันนา ตอร์เรส เดลกาโด จากมหาวิทยาลัยบาร์เซโลนา ชี้ว่า มาตรการยังไม่เพียงพอ และเสนอให้เมืองพัฒนาการท่องเที่ยวโดยคำนึงถึง มิติทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่แค่ตัวเลขเศรษฐกิจ
รัฐบาลสเปนกำลังเร่งแก้วิกฤตราคาบ้านพุ่ง หลังเสียงร้องเรียนจากประชาชนเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ โดยมีการผลักดันกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับการปล่อยเช่าที่พักระยะสั้นสำหรับนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็ต้องเดินบนเส้นบาง ๆ ระหว่างการปกป้องสิทธิ์ของคนในประเทศและการรักษารายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจสเปน
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ค่าเช่าที่อยู่อาศัยในกรุงมาดริดพุ่งขึ้นกว่า 82% ทำให้ชาวเมืองจำนวนมาก โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว ไม่สามารถเข้าถึงบ้านราคาย่อมเยาได้ แม้แต่คนที่มีรายได้สูงอย่าง เอสเตลา กามาโน แพทย์ในเมืองหลวง ยังยอมรับว่า “ตลาดนี้แข่งขันรุนแรง และบ้านหลายหลังอยู่ในสภาพไม่เหมาะสมเลย”
ขณะที่ เซร์จิโอ เอนซินาส และ ลอเรนา ปาเชโก คู่รักชาวสเปน ต้องอาศัยอยู่กับพ่อแม่มานานหลายปี จนกระทั่งชนะการจับสลาก “อพาร์ตเมนต์การเคหะ” จากทางการมาดริด ทำให้ได้สิทธิ์เช่าบ้านในราคาพิเศษเพียง 550 ยูโรต่อเดือน จากผู้สมัครกว่า 44,000 คน แต่มีผู้ได้สิทธิเพียง 63 คน เท่านั้น
นายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชซ จึงเร่งเสนอมาตรการแก้วิกฤต เช่น การเก็บภาษีสูงขึ้นกับบ้านเช่าระยะสั้น และการเร่งสร้างอพาร์ตเมนต์การเคหะเพิ่ม แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า มาตรการบางอย่างอาจยิ่งทำให้เจ้าของบ้านถอนตัวจากตลาดเช่าระยะยาว ส่งผลให้ “อุปทานที่อยู่อาศัย” หดหาย และราคาพุ่งสูงกว่าเดิม
Francisco Inareta โฆษกเว็บไซต์อสังหาริมทรัพย์ Idealista ระบุว่า “ปัญหาหลักของสเปนคือการขาดแคลนที่อยู่อาศัยใหม่ ทั้งตลาดเช่าและตลาดซื้อขายหยุดชะงักมานานตั้งแต่ฟองสบู่ปี 2008 ขณะที่ประชากรกลับเพิ่มขึ้น”
ท่ามกลางแรงกดดันจากประชาชนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ต้องรักษาไว้ วิกฤตที่อยู่อาศัยของสเปนจึงกลายเป็นหนึ่งในโจทย์ที่ท้าทายที่สุดของรัฐบาลชุดนี้