เจ้าหน้าที่ของยูเครนเปิดเผยช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม ว่า รัสเซียได้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานครั้งใหญ่ต่อยูเครน ส่งผลทำให้หลายพื้นที่ของกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนไม่มีไฟฟ้าใช้
รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของยูเครนระบุในแถลงการณ์ว่า เจ้าหน้าที่กำลังใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยูเครนเข้าไปช่วยเหลือและดับเพลิงที่ลุกไหม้อาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในกรุงเคียฟ รวมทั้งอพยพประชาชนออกมา
การโจมตีล่าสุดที่เกิดขึ้นในกรุงเคียฟ ส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 9 ราย ขณะที่บางพื้นที่ของกรุงเคียฟไม่มีไฟฟ้าใช้ รวมถึงมีปัญหาเรื่องน้ำประปาด้วย
สำนักข่าว CNN ระบุว่า รัฐบาลรัสเซียใช้กลยุทธ์เดิมที่เคยใช้ตลอดช่วงปลายปีที่ผ่านมา นั่นคือพุ่งเป้าไปที่ระบบพลังงานและระบบทำความร้อนของยูเครน ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว อันหนาวเย็นจัด
โดยรัสเซียเริ่มโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา และก็เริ่มโจมตีอย่างต่อเนื่องเกือบทุกวัน พุ่งเป้าไปยังโรงผลิตไฟฟ้าและพลังงาน
ด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า รัสเซียได้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในพื้นที่แคว้นเชอร์นีฮิฟ ซูมี และโปลตาวา รวมแล้วราว 1,550 ครั้ง โดยมีเป้าหมายถูกโจมตีจริง 160 ครั้ง
แต่เขาระบุว่า ยูเครนมุ่งมั่นที่จะปกป้องภาคพลังงานของประเทศ และกองกำลังป้องกันทางอากาศสามารถสกัดการโจมตีบางส่วนได้สำเร็จ
ทั้งนี้ เมื่อคริสต์มาสปีที่แล้ว มีครัวเรือนมากกว่า 5 แสนหลังคาเรือน ในแคว้นคาร์คิฟที่ต้องเผชิญกับอากาศหนาวเพียง 3 องศาเซลเซียส โดยไม่มีระบบทำความร้อนใช้งานได้