สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูตินประกาศว่า ในปี 2025 นี้ กองทัพรัสเซียได้บุกยึดดินแดนของยูเครนเพิ่มขึ้นอีก 5,000 ตารางกิโลเมตร (1,930 ตารางไมล์) และยังเดินหน้าเชิงยุทธศาสตร์อย่างเต็มรูปแบบในสนามรบ เพื่อขยายเขตการยึดครองต่อไป
ทั้งนี้ แม้ปีนี้รัสเซียจะยึดครองพื้นที่เทียบเท่าได้เพียง 1% ของดินแดนทั้งหมดในยูเครน แต่หากนับโดยรวมการยึดครองในอดีตจนถึงปัจจุบัน รัสเซียควบคุมยูเครนได้ทั้งหมดเกือบ 20% แล้ว
คำประกาศอวดผลงานดังกล่าวเกิดขึ้น ขณะที่ปูตินกล่าวปราศรัยในการประชุมกับผู้บัญชาการทหารระดับสูงของรัสเซียเนื่องในโอกาสวันเกิดครบรอบ 73 ปีของเขา พร้อมกล่าวว่ากองกำลังยูเครนกำลังล่าถอยในทุกภาคส่วนของแนวรบ แม้ว่ากองทัพยูเครนกำลังพยายามโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย แต่คงไม่สามารถช่วยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในสงครามที่ดำเนินมานานกว่า 3 ปีครึ่งได้
ตามบันทึกการสนทนาของรัฐบาลเครมลิน ปูตินกล่าวในการประชุมที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย ใกล้กับเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของรัสเซีย ระบุว่า “ปีนี้เราได้ปลดปล่อยพื้นที่เกือบ 5,000 ตารางกิโลเมตร หรือ 4,900 ตารางกิโลเมตร และพื้นที่ 212 แห่ง” สอดคล้องกับกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่รายงานก่อนหน้านี้ว่า กองทัพสามารถยึดหมู่บ้านเพิ่มอีก 2 แห่งตามแนวรบ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,250 กิโลเมตร (775 ไมล์)
พลเอกวาเลรี เกราซิมอฟ แห่งกองทัพรัสเซีย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวในการประชุมกับผู้บัญชาการทหารระดับสูงว่า กองกำลังรัสเซียกำลัง "รุกคืบไปในแทบทุกทิศทาง" และการสู้รบที่หนักที่สุดเกิดขึ้นที่เมืองโปครอฟสค์และพื้นที่ต่างๆ ไปทางเมืองดนีโปรเปตรอฟสค์
แต่ด้านยูเครนดูเหมือนว่าจะไม่ยอมรับคำประกาศชัยชนะดังกล่าว ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กองทัพยูเครนโต้ว่ากองกำลังของมอสโกไม่สามารถยึดเมืองสำคัญใด ๆ ของยูเครนได้ในปีนี้ และเสริมว่า กองทัพยูเครนได้เพิ่มกำลังในภูมิภาคโดเนตสค์ โดยเฉพาะบริเวณรอบโดบรอปิลเลีย เมืองใกล้กับศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญของโปครอฟสค์
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ยังกล่าวอีกว่า กองกำลังยูเครนต่างหากที่ยึดพื้นที่คืนมาในเขตชายแดนซูมี ซึ่งรัสเซียได้ตั้งฐานที่มั่นไว้ก่อนหน้านี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ผู้บังคับบัญชาในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วรัสเซียประกาศขึ้นค่าตอบแทนให้กับบรรดาทหารที่จะสมัครเข้ามาช่วยรบในกองทัพ เนื่องจากนักวิเคราะห์มองว่าแคมเปญรับสมัคร "ตามอุดมการณ์" ไม่เพียงพอที่จะจูงใจให้ผู้คนสู้รบกับยูเครนอีกต่อไป โดยกองทัพประกาศว่าจะเพิ่มเงินให้ถึงสี่เท่ากับทหารชุดใหม่
รัฐบาลภูมิภาคตูเมน ในไซบีเรียกล่าวว่า จะจ่ายเงินก้อนให้กับทหารใหม่จำนวน 3 ล้านรูเบิล (36,560 ดอลลาร์สหรัฐฯ ) นอกเหนือจากเงิน 400,000 รูเบิลที่ได้รับจากรัฐบาลกลาง ตราบใดที่ทหารใหม่ลงทะเบียนก่อนสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
ในทำนองเดียวกัน ผู้ว่าการภูมิภาคโวโรเนซทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ประกาศบน Telegram เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ค่าสมัครจากภูมิภาคดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นสี่เท่าเป็น 2.1 ล้านรูเบิล รัฐบาลท้องถิ่นโวโรเนซกล่าวว่า หากต้องการรับเงิน ผู้สมัครไม่จำเป็นต้องมาจากภูมิภาคดังกล่าว ขอเพียงแค่ลงทะเบียนสมัครในเขตนี้เท่านั้น ขณะที่ ภูมิภาคตัมบอฟ ครัสโนดาร์ คูร์กัน และอัลไต รวมถึงสาธารณรัฐตาตาร์สถาน ได้ประกาศเพิ่มเงินค่าตอบแทนรายเดือนด้วยเช่นกัน
CNN รายงานว่า รัสเซียต้องสูญเสียทหารจำนวนมหาศาลในสงครามกับยูเครน โดยมีทหารรัสเซียเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บประมาณ 1 ล้านนายนับตั้งแต่เริ่มการรุกรานเต็มรูปแบบเมื่อสามปีครึ่งที่แล้ว
ขณะที่ อังเดร เบลูซูฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้กำหนดให้การคัดเลือกทหารเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญสูงสุดของกองทัพในระหว่างการประชุมระดับสูงด้านกลาโหมในเดือนสิงหาคม โดยเน้นย้ำว่ากำลังคนเป็น "ปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนปฏิบัติการเชิงรุก"
สำนักข่าว IStories ซึ่งเป็นสำนักข่าวสืบสวนอิสระของรัสเซียรายงานว่า ข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณอย่างเป็นทางการ มีผู้ลงนามสัญญากับกระทรวงกลาโหมประมาณ 37,900 รายในไตรมาสที่สองของปี 2568 ซึ่งน้อยกว่าเมื่อปีที่แล้วถึง 2 เท่าครึ่ง
ด้านสถาบันเพื่อการศึกษาด้านสงคราม (ISW) ซึ่งเป็นองค์กรติดตามความขัดแย้งที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ กล่าวว่า ความพยายามสร้างกำลังทหารของรัสเซียนั้น มีลักษณะคล้ายกับรูปแบบธุรกิจที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะมีการใช้อุดมการณ์แต่ไม่สามารถสร้างแรงจูงใจได้เพียงพอ ซึ่งรัสเซียแก้ปัญหาด้วยการรับสมัครที่ไม่เป็นทางการ โดยใช้แรงจูงใจทางการเงิน รวมถึงการหลอกลวง และการบังคับด้วย