Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทรัมป์เตือนสีอย่าลืมสหรัฐฯ เคยช่วยตอนสงครามโลกครั้งที่ 2
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ทรัมป์เตือนสีอย่าลืมสหรัฐฯ เคยช่วยตอนสงครามโลกครั้งที่ 2

3 ก.ย. 68
14:39 น.
แชร์

3 กันยายน 2568 สี จิ้นผิงประธานาธิบดีจีนจัดงานฉลองวันแห่งชัยชนะ ชวนผู้นำนานาชาติ รวมถึงประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน-ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน เข้าร่วมงาน ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ส่งข้อความถึงจีน รวมหัวผู้นำต่อต้านสหรัฐฯ ในงานวันแห่งชัยชนะ ทวงคุณเคยช่วยเหลือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สี จิ้นผิงไม่พูดถึง

งานฉลองครั้งนี้คืองานฉลองวันแห่งชัยชนะที่ใหญ่ที่สุด มีการเดินขบวนสวนสนามครั้งแรกในรอบ 6 ปี ประกอบไปด้วยทหารหลายพันคน และการแสดงอาวุธนานาชนิดเพื่อแสดงศักยภาพของกองทัพ

ทรัมป์และผู้นำชาติตะวันตกชาติอื่น ๆ ไม่ได้เข้าร่วมงานฉลองครั้งใหญ่ครั้งนี้ แต่เขาเผยแพร่โพสต์ลงบนสื่อสังคมออนไลน์ Truth Social

“ขอให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงและประชาชนชาวจีนแสนดีมีวันแห่งการเฉลิมฉลองที่ยอดเยี่ยมยาวนาน ช่วยกรุณาส่งความนับถืออย่างอบอุ่นจากผมให้วลาดิเมียร์ ปูติน และคิม จองอึน ในเมื่อพวกคุณสมรู้ร่วมคิดกันต่อต้านสหรัฐอเมริกา”

ทรัมป์ยังกล่าวถึงการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อการฉลองวันแห่งชัยชนะคือ การฉลองวันที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้ในช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2 และถอนกำลังออกจากจีน

“คำถามสำคัญที่ต้องตอบก็คือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของประเทศจีนจะกล่าวถึงความช่วยเหลือและ “เลือด” จากสหรัฐอเมริกาที่มอบให้จีน เพื่อช่วยให้จีนมีอิสรภาพจากศัตรูผู้รุกรานต่างชาติหรือไม่ คนอเมริกันจำนวนมากตายเพื่อชัยชนะและเกียรติยศของจีน ผมหวังว่าพวกเขา [เหล่าทหารสหรัฐฯ ] จะได้รับการเชิดชูเกียรติอย่างถูกต้อง และถูกจดจำจากความกล้าหาญและการเสียสละของพวกเขา”

80 ปีก่อน สหรัฐฯ มีบทบาทอย่างไรในจีนช่วงสงครามโลก

จีนถูกรุกรานโดยญี่ปุ่นตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ระหว่างปี 1931-1937 ญี่ปุ่นได้เข้ายึดครองพื้นที่ส่วนหนึ่งของจีนและก่ออาชญากรรมสงครามต่อชาวจีนมากมาย ตามมาด้วยสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ระหว่างปี 1937-1945

ระหว่างสงครามอันยาวนานครั้งนี้ จีนได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตและสหรัฐฯ มีการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ของญี่ปุ่นในปี 1941 เป็นฉนวนเหตุหลักที่ทำให้สหรัฐฯ ยื่นมือเข้ามาช่วยจีนต่อสู้จนกลายเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินหลักของจีน และยังรวมไปถึงน้ำมัน เหล็กกล้า เหล็ก และของจำเป็นอื่น ๆ

สำนักข่าว CNN ชี้ว่า สหรัฐฯ ได้ส่งทหารกว่า 250,000 คนไปสนับสนุนจีน อินเดีย และพม่า ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ในชื่อ “the China-Burma-India theater”

แม้ว่ารัฐบาลและสื่อสหรัฐฯ จะคอยตอกย้ำความช่วยเหลือครั้งนี้มาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจุดยืนในการเมืองโลกปัจจุบันของสองมหาอำนาจใหญ่ อย่างสหรัฐฯ และจีนถูกตั้งคำถามว่าแนวทางที่สอดคล้องกันหรือไม่

แม้ความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ช่วยให้กองทัพอากาศจีนมีความได้เปรียบเหนือกองทัพอากาศญี่ปุ่น และช่วยก่อตั้งกองทัพอากาศทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน อย่างไรก็ตามรายงาน Where is the beef? The costs of American aid and wartime China's hyperinflation ชี้ว่า การช่วยเหลือครั้งนี้นำมาซึ่งภาวะเงินเฟ้อรุนแรงในภายหลัง

จีนต้องเปลี่ยนจากสกุลเงินเดิมไปใช้เงินเฟียต หรือเงินที่ไม่มีมูลค่าในตัวเอง แต่ถูกกำหนดโดยธนาคารกลาง เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือทหารสหรัฐฯ ที่เข้ามา และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้จีนมีภาวะเงินเฟ้อช่วงทศวรรษที่ 1940

สีตอกย้ำพลังและความเป็นหนึ่งเดียวของจีน

แม้อาจมีข้อดีและเสียปะปนกันไป แต่ความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ไม่ถูกกล่าวถึงในงานฉลองวันแห่งชัยชนะครั้งนี้ สี จิ้นผิงกล่าวปราศรัยถึงจุดยืนของจีน และความสำคัญของการจดจำประวัติศาสตร์ที่งานวันแห่งชัยชนะ รวมถึงบทบาทของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน

“ชาติจีนเป็นชาติยิ่งใหญ่ที่ไม่กลัวความรุนแรงใด และยืนหยัดอย่างอิสระและแข็งแกร่ง ในอดีต เมื่อต้องเผชิญทางแยกระหว่างเป็นหรือตาย ต้องเจออุปสรรคระหว่างความยุติธรรมและความชั่ว แสงสว่างและความมืด การพัฒนาหรือการตอบโต้ คนจีนรวมกันเป็นหนึ่งเดียวเสมอ ลุกขึ้นยืนต่อต้าน และสู้เพื่อความอยู่รอดของประเทศ การฟื้นตัวของชาติ และความมุ่งหมายแห่งความยุติธรรมของมนุษยชาติ [...] กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนเป็นกำลังสำคัญที่พรรคและประชาชนวางใจได้มาเสมอ เจ้าหน้าที่และทหารทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ของตนอย่างซื่อสัตย์” สี จิ้นผิงกล่าวที่งานวันแห่งชัยชนะวันนี้ (3 กันยายน 2568)

ประวัติศาสตร์จีนถูกควบคุม?

ประวัติศาสตร์จีนปัจจุบันถูกเขียนโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน คือแนวคิดที่นักประวัติศาสตร์นอกกระแสและนักข่าวต่างชาติในจีนตั้งข้อสังเกต หนึ่งในนั้นคือนักข่าว เอียน จอห์นสัน นักเขียนรางวัลพูลิตเซอร์ (Pulitzer) ผู้เคยทำงานเป็นนักข่าวในประเทศจีนร่วมทศวรรษให้กับสำนักข่าวตะวันตกหลายสำนัก

เขากล่าวในหนังสือ Spark: China’s Underground Historians and Their Battle for the Future ถึงความพยายามของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการควบคุมประวัติศาสตร์นอกกระแสหลัก หรือสิ่งที่รัฐบาลจีนไม่ต้องการเล่า

“เรื่องเล่าของพรรคคอมมิวนิสต์ชี้นำตำราเรียน พิพิธภัณฑ์ ภาพยนตร์ และสถานที่ท่องเที่ยวของจีน และเป็นแนวทางของผู้นำระดับสูงของจีนมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ขึ้นดำรงตำแหน่งในปี 2012 สี จิ้นผิงวางการควบคุมประวัติศาสตร์เป็นความสำคัญสูงสุดในประเทศ เขาปิดวารสารมากพอกับที่ปิดพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งยังจับคนที่เห็นแย้งกับความจริงในฉบับของเขาเข้าคุกด้วย การลบล้างความทรงจำเหล่านี้ทำให้ความทรงจำร่วมของชาติวิปริตผิดเพี้ยน ทำให้คนจีนส่วนมากเชื่อได้สำเร็จว่า ถึงแม้จะเป็นความผิดของพรรค พรรคก็ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ส่วนฝ่ายตรงข้าม อย่างดีก็ถูกมองว่าเป็นพวกเพ้อเจ้อ แต่อย่างแย่คือเป็นกบฏ”

“สีสั่งปิดวารสารอิสระและเทศกาลภาพยนตร์รวมทั้งเปิดฉากการปล่อยข้อมูลตอบโต้ รัฐบาลของสีขยายขอบเขตประวัติศาสตร์อย่างกว้างขวางด้วยพิพิธภัณฑ์ สถานที่ท่องเที่ยว สนับสนุนงบประมาณการสร้างภาพยนตร์ประวัติศาสตร์และแก้ไขหนังสือเรียน ที่เด่นชัดที่สุดคือเอกสารปี 2021 ที่เขียนประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นครั้งที่สามแล้วในประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์หนึ่งร้อยปี” เขากล่าวในบทนำ

ในหนังสือ จอห์นสันกล่าวถึงการลบล้างประวัติศาสตร์ ซึ่งโดยมากกล่าวถึง ความผิดพลาดในการดำเนินงานของพรรคคอมมิวนิสต์ อาทิ ภาวะทุพภิกขภัยครั้งใหญ่ในจีนระหว่างปี 1959-1961 ซึ่งเป็นผลพวงมาจากนโยบายการก้าวกระโดดไกลไปข้างหน้าของเหมา เจ๋อตง การปฏิวัติวัฒนธรรมปี 1966 หรือการสังหารหมู่ที่จตุรัสเทียนอันเหมินปี 1989 ที่จอห์นสันชี้ว่า ไม่เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางมากนักในประชาชนจีน แม้แต่โศกนาฏกรรมที่เทียนอันเหมิน ซึ่งเกิดขึ้นเพียง 30 กว่าปีก่อนหน้าเท่านั้น

แม้สีจะกล่าวสนับสนุนให้คนจีน “ทุกเชื้อชาติ” เดินตามแนวทางพรรคคอมมิวนิสต์ และยกย่องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของชาติ แต่จอห์นสันยกตัวอย่างการกดขี่คนจีนที่ไม่ใช่คนจีนฮั่นหลายครั้งในหนังสือ อาทิ การปฏิวัติวัฒนธรรมในมองโกเลีย ที่เขากล่าวว่า มีความรุนแรงต่อคนมองโกเลียมาก

ที่มา: BBC, Office of The Historian กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ , CNN, Spark: China’s Underground Historians and Their Battle for the Future

แชร์
ทรัมป์เตือนสีอย่าลืมสหรัฐฯ เคยช่วยตอนสงครามโลกครั้งที่ 2