สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานคำแถลงของ คิม ยอจอง น้องสาวของผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ คิม จองอึน กล่าวว่าเกาหลีใต้และประธานาธิบดีอี แจมยอง มี "บุคลิกภาพแบบสองขั้ว" (dual personality) เห็นได้จากความพยายามในการยื่นไมตรีกระชับสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือเพื่อแสวงหาสันติภาพ แต่ขณะเดียวกันกลับเดินหน้าซ้อมรบทางทหารกับสหรัฐฯ เพื่อยั่วยุเกาหลีเหนือ
ในช่วงเวลานี้ เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตร ได้เริ่มการซ้อมรบร่วมกันในสัปดาห์นี้ รวมถึงซ้อมรับมือภับคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือด้วย รัฐบาลเปียงยางวิพากษ์วิจารณ์การซ้อมรบดังกล่าวเป็นประจำว่า เป็นการซ้อมรบเพื่อการรุกราน (rehearsals for invasion) และบางครั้งก็ตอบโต้ด้วยการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ แต่กองทัพของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ก็ออกมาตอบโต้ทุกครั้งเช่นกันว่าเป็นการซ้อมรบร่วมเพื่อป้องกันตัว
การฝึกซ้อมรบร่วมประจำปีกินเวลา 11 วัน มีชื่อปฏิบัติการว่า Ulchi Freedom Shield โดยจะมีขนาดใกล้เคียงกับการฝึกซ้อมเมื่อปี 2024 แต่จะต่างออกไปที่การปรับตารางฝึกภาคสนาม 20 ครั้งจากทั้งหมด 40 ครั้งไปเดือนกันยายน
ขณะเดียวกัน นับตั้งแต่นายอี แจมยองเข้ารับตำแหน่งในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลของเขาได้พยายามที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในทางเทคนิคแล้วยังคงอยู่ในภาวะสงครามหลังจากความขัดแย้งในปี 1950-1953
อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือมีท่าทีเมินเฉยต่อสันติภาพที่รัฐบาลชุดใหม่หยิบยื่นให้ แต่เกาหลีใต้ก็ไม่ลดละที่จะสานสัมพันธ์ต่อไป โดยสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีอี แจมยองสั่งการให้คณะรัฐมนตรีของเขาเตรียมการดำเนินการตามข้อตกลงที่มีอยู่กับเกาหลีเหนือแบบทีละขั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเกาหลีใต้ได้เริ่มถอดลำโพงที่เคยใช้กระจายเสียงต่อต้านเกาหลีเหนือตามแนวชายแดนแล้ว
ตามรายงานของ KCNA สื่อทางการเกาหลีเหนือ นางคิม ยอจองกล่าวอีกว่า "อี แจมยอง ไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนเส้นทางประวัติศาสตร์ของสองเกาหลี ซึ่งเกาหลีใต้เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานที่มุ่งเผชิญหน้าได้” เธอยังได้กล่าวอีกว่า “เกาหลีใต้เอาแต่พูดถึงสันติภาพและความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เป็นจริง เพราะพวกเขามีเจตนาแอบแฝง ที่จะบอกให้ชาวโลกรู้ว่าที่สันติภาพเกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะเกาหลีเหนือฝ่ายเดียว”
ในการตอบสนองต่อคำแถลงของเธอ สำนักงานประธานาธิบดีของเกาหลีใต้กล่าวว่า รัฐบาลจะเปิดศักราชใหม่สำหรับการเติบโตร่วมกัน (joint growth) กับเกาหลีเหนือ และมาตรการล่าสุดของรัฐบาลก็เพื่อเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองเกาหลี
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือประกาศว่า เกาหลีเหนือจำเป็นต้องเร่งขยายอาวุธยุทโธปกรณ์นิวเคลียร์อย่างรวดเร็ว และเรียกการฝึกซ้อมรบร่วมทางทหารระหว่างกองทัพสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ว่า เป็นการแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งถึงความปรารถนาของสองชาติที่ต้องการยั่วยุให้เกิดสงคราม เขาแถลงขณะที่เดินทางไปตรวจเยี่ยมเรือพิฆาตของกองทัพเรือเกาหลีเหนือ
KCNA ยังรายงานด้วยว่า ผู้นำคิมสั่งการให้กระทรวงต่างประเทศของประเทศเตรียมมาตรการรับมือกับความสัมพันธ์กับ "รัฐที่เป็นศัตรูมากที่สุด" และประเทศพันธมิตรของศัตรูด้วย โดยอิงตามมุมมองของผู้นำรัฐ คิม จอง อึน ที่มีต่อเกาหลีใต้
ทั้งนี้ การแถลงของนางคิม ยอจอง เกิดขึ้นขณะที่รัฐบาลเกาหลีเหนือกำลังจัดการประชุมใหญ่ของคณะกรรมาธิการถาวรของรัฐสภาเกาหลีเหนือ โดยมีนายชเว รยองแฮ เป็นประธานสภาประชาชนสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือ แม้จะมีการเผยแพร่ภาพออกมาผ่านสำนักข่าว KCNA แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยว่ารัฐสภาประชุมในวาระอะไร