หลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีซีเรียครั้งใหญ่ โดยพุ่งเป้าไปที่กระทรวงกลาโหมและพื้นที่ใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดี ซึ่งเหตุผลที่อิสราเอลกล่าวอ้างคือ ทำไปเพื่อปกป้องชนกลุ่มน้อยชาวดรูซ
ชนกลุ่มน้อยชาวดรูซคือใคร? และอิสราเอลเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งของชนกลุ่มน้อยในซีเรียอย่างไร Spotlight พาไปหาคำตอบ
ดรูซคือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์และศาสนาที่พูดภาษาอาราบิก อาศัยอยู่ในซีเรีย เลบานอน อิสราเอล และที่ราบสูงโกลัน ความเชื่อที่ชาวดรูซยึดมั่นคือสิ่งที่แตกแขนงออกมาจากศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ โดยมีความเชื่อและอัตลักษณ์ที่แตกต่างเป็นของตนเอง
ราวครึ่งหนึ่งของชาวดรูซ ซึ่งมีจำนวนประมาณ 1 ล้านคน อาศัยอยู่ในซีเรีย โดยพวกเขาถูกคิดเป็นราว 3 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรชาวซีเรียทั้งประเทศ ขณะที่ชุมชนชาวดรูซในอิสราเอลมักถูกมองว่ามีความภักดีกับรัฐบาลอิสราเอล เพราะมีชาวดรูซที่นั่นเข้าร่วมรับราชการทหาร โดยตัวเลขจากกรมสถิติกลางของอิสราเอลชี้ว่า มีชาวดรูซราว 152,000 คนอาศัยอยู่ในอิสราเอลและที่ราบสูงโกลัน
ในอดีตที่ผ่านมา ชาวดรูซเคยมีตำแหน่งสำคัญทางการเมืองในซีเรีย โดยในช่วง 14 ปีที่ผ่านมาซึ่งเกิดสงครามกลางเมือง ชาวดรูซก็มีการเคลื่อนไหวกองกำลังติดอาวุธของตนเองในพื้นที่ทางตอนใต้ของซีเรีย แต่นับจากรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาดถูกโค่นล้มอำนาจในเดือนธันวาคมปี 2024 ชาวดรูซไม่ยอมทำตามความต้องการของรัฐบาลชุดใหม่ที่พยายามจะบังคับใช้อำนาจทางการปกครองในพื้นที่ทางตอนใต้ของซีเรีย
ขณะเดียวกัน ชนกลุ่มน้อยดรูซฝ่ายต่าง ๆ มีท่าทีที่แตกต่างกันต่อรัฐบาลชุดใหม่ ตั้งแต่รับมือด้วยความระมัดระวังไปจนถึงการปฏิเสธ ไม่ร่วมมืออย่างสิ้นเชิง โดยหลายฝ่ายไม่ยอมรับการที่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐบาลชุดใหม่มาปรากฏตัวในเมืองสุไวดา ซึ่งชาวดรูซส่วนใหญ่อาศัยอย่ที่นี่ และพยายามต่อต้านการถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพซีเรีย เพราะพวกเขายืนหยัดในกองกำลังท้องถิ่นของตนเอง
แม้ว่ารัฐบาลซีเรียจะออกมาประณามการโจมตีเมื่อเร็ว ๆ นี้ต่อชาวดรูซ และให้คำมั่นที่จะคืนความสงบสุขในพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศ แต่กองกำลังของรัฐบาลก็ถูกกล่าวหาว่าโจมตีชนกลุ่มน้อยชาวดรูซด้วยเช่นกัน โดยมีรายงานของหน่วยงานสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย หรือ SOHR ระบุว่า ชาวดรูซถูกสังหารโดยกองกำลังของรัฐบาล รายงานเหล่านั้นยิ่งสุมไฟความไม่ไว้วางใจในกลุ่มชุมชนชาวดรูซต่อรัฐบาลชุดใหม่
หลังจากการถูกโค่นล้มอำนาจของอัล อัสซาด อิสราเอลได้ยื่นมือเข้ามาดูแลชุมชนชาวดรูซที่อาศัยอยู่ใกล้พรมแดนทางตอนเหนือ เพื่อหวังสร้างพันธมิตรกับชนกลุ่มน้อยในซีเรีย โดยอิสราเอลพยายามวางตัวเป็นผู้คุ้มครองชนกลุ่มน้อยในภูมิภาคมากขึ้น ทั้งชาวเคิร์ด ดรูซ และอะลาวีในซีเรีย ขณะเดียวกันก็โจมตีเป้าหมายทางทหารและกองกำลังรัฐบาลซีเรียอย่างต่อเนื่อง
ในช่วงเหตุปะทะของชนกลุ่มน้อย ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อิสราเอลได้โจมตีพื้นที่ใกล้ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงดามัสกัส โดยระบุว่าเป็นการเตือนต่อการโจมตีชาวดรูซ อย่างไรก็ตาม แกนนำชาวดรูซบางส่วนในซีเรียและเลบานอนได้ออกมากล่าวหาอิสราเอลว่า กำลังยุยงให้เกิดความขัดแย้งเพื่อผลประโยชน์การขยายอิทธิพลของตนเองในภูมิภาค
การโจมตีล่าสุดของอิสราเอลมีเป้าหมายหลักเพื่อส่งคำเตือนและยับยั้งไม่ให้กองทัพซีเรียเคลื่อนพลเข้าสู่พื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศ โดยอิสราเอลต้องการสร้างเขตปลอดทหารในบริเวณดังกล่าว เพราะอิสราเอลมีความกังวลเกี่ยวกับการปรากฏตัวของนักรบอิสลามในบริเวณใกล้พรมแดนทางเหนือของตน ตลอดแนวที่ราบสูงโกลันซึ่งอิสราเอลยึดครองอยู่
แม้การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา จะจำกัดอยู่ที่เป้าหมายกองกำลังความมั่นคงและยานพาหนะในเมืองสุไวดา แต่ในวันที่ 16 กรกฎาคม กองทัพอิสราเอลได้ขยายขอบเขตการโจมตี โดยมุ่งเป้าไปที่กระทรวงกลาโหมและกองบัญชาการทหารของซีเรียในกรุงดามัสกัส ซึ่งรัฐบาลซีเรียออกมาประณามการกระทำดังกล่าวอย่างรุนแรง
นับเป็นการยกระดับปฏิบัติการที่รุนแรงที่สุดของอิสราเอลในซีเรีย นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 ซึ่งในตอนนั้น อิสราเอลได้ทำลายเป้าหมายทางทหารนับร้อยแห่งทั่วประเทศ และเข้ายึดครองเขตกันชนในที่ราบสูงโกลัน ซึ่งอยู่ภายใต้การตรวจตราของสหประชาชาติ
อิสราเอลได้โจมตีซีเรียหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสกัดไม่ให้รัฐบาลใหม่ของซีเรียเสริมสร้างศักยภาพทางทหาร ซึ่งอิสราเอลมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของตน