ภายหลังจากสมเด็จ เตโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและประธานพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) เผยแพร่คลิปเสียงการสนทนากับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร บนเฟซบุ๊ก ด้านนายเจีย ธีริธ โฆษกของฮุน เซน ก็ออกมาแถลงผ่านโซเชียลมีเดียว่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าว หนึ่งในประเด็นสำคัญที่มีข้อความเชิงเหยียดหยามประเทศไทย โดยเขากล่าวว่า “ผมกล้าพูดได้เลยว่าไม่เคยมียุคใดเลยที่ประเทศไทยจะหวาดกลัวกัมพูชาได้กับยุคที่มีฮุน เซนและฮุน มาเนตเป็นผู้ปกครอง” พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า “หากคุณศึกษาประวัติศาสตร์ คุณจะเห็นว่าอดีตผู้นำกัมพูชาบางคนถูกสยามใช้งานเสียด้วยซ้ำ”
นอกจากนี้ เขายังเปิดเผยว่า ตั้งแต่ทำงานกับฮุน เซนมา มักจะได้ยินผู้นำกัมพูชากล่าวว่า “ภราดรภาพเป็นสิ่งหนึ่ง แต่ดินแดนเป็นเรื่องของอำนาจอธิปไตยของชาติ ทั้งสองสิ่งนี้ไม่ควรนำมาปะปนกัน และประเด็นเรื่องอาณาเขตไม่ควรตกอยู่ภายใต้การดูหมิ่นหรือรุกราน” ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการเสียดสีและตอกย้ำที่นายกฯ แพทองธาร พยายามจะแสดงความสนิทสนมเชิงลุง-หลาน มาใช้ในการเจรจาประเด็นพิพาทระหว่างประเทศทางโทรศัพท์
Khmer Times รายงานว่า ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชายังคงทวีความรุนแรงขึ้น โดยกัมพูชากล่าวหาว่า ไทยทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นโดยเพิ่มกำลังพลที่ชายแดนมากขึ้น รวมถึงมีการฝึกซ้อมทางทหารอย่างต่อเนื่อง และดึงดันที่จะไม่ยกเลิกการปิดชายแดนหลายจุด ซึ่งทางการไทยอ้างว่าได้ปฏิบัติตาม “มาตรฐานสากล” ขณะที่ปฏิบัติการทางทหารยังคงดำเนินการอยู่ “ภายในอาณาเขตของตน”
นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมใหญ่วิสามัญของลูกเสือกัมพูชาที่กรุงพนมเปญเมื่อวันอังคารว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทยยังคงไม่มั่นคง โดยทหารไทยยังคงขุดสนามเพลาะและเคลื่อนกำลังปืนใหญ่หนักอย่างต่อเนื่องทุกวัน ระบุว่า “ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่มั่นคงและยังไม่คลี่คลาย ข้อกล่าวหาและจุดยืนที่ขัดแย้งกันยังคงเหมือนเดิม การเคลื่อนไหวและการเตรียมการของกองทัพไทยในพื้นที่ยังคงดำเนินต่อไปทุกวัน”
ด้านพลเอกเตีย เซฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุดของปัญหาชายแดนกัมพูชา-ไทยระบุว่า แม้ราชอาณาจักรกัมพูชามีความพยายามที่จะยุติข้อพิพาทระยะยาวกับไทยโดยสันติที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) แต่ไทยก็ตอบโต้ด้วยการเพิ่มกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ชายแดน ฝ่ายไทยได้เพิ่มการบินโดรน ขุดค้นภาคพื้นดิน ระดมอาวุธและยุทโธปกรณ์ทุกประเภท สร้างโครงสร้างพื้นฐาน และเสริมกำลังทหารตามแนวชายแดนในพื้นที่จังหวัดพระวิหารและอุดรมีชัย
กระทรวงกลาโหมกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสันติภาพและความมั่นคงของทั้งสองประเทศ และย้ำว่า แม้กัมพูชาจะให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาโดยสันติ แต่กองทัพของกัมพูชาจะไม่ลังเลที่จะใช้กำลังเพื่อปกป้องดินแดนของราชอาณาจักร