ประธานวุฒิสภา สมเด็จฮุน เซน ได้ออกแถลงการณ์ผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อเวลาประมาณ 8.30 น. เช้าวันนี้ (13 มิถุนายน 2568) เกี่ยวกับมาตรการที่กัมพูชาจะดำเนินการกับประเทศไทย หากไทยยังคงปฏิเสธที่จะเปิดด่านชายแดนซึ่งถูกปิดไปโดยพลการ
“เมื่อคืนนี้ข้าพเจ้าได้ออกแถลงการณ์ และในเช้าวันนี้ ข้าพเจ้าได้กล่าวต่อรัฐบาลอีกครั้งในฐานะผู้นำพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล หากฝ่ายไทยยังคงปฏิเสธที่จะเปิดจุดผ่านแดนที่พวกเขาได้ปิดไปโดยพลการ กัมพูชาจำเป็นต้องดำเนินมาตรการต่อไปนี้”
“หากไทยยังไม่ยอมแก้ไขปัญหา เปิดจุดผ่านแดน และกลับสู่สถานการณ์ปกติ เราจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องดำเนินมาตรการทั้งหมดนี้” สมเด็จฮุน เซน กล่าว
สมเด็จฮุน เซนขอให้ประชาชนชาวกัมพูชาอย่ากระทำการสุดโต่ง เช่น การประท้วงสถานทูตไทย บริษัทไทย หรือชาวไทยในกัมพูชา และอย่าเกลียดชังคนไทยในเชิงชาติพันธุ์ กล่าวว่า ปัญหาอยู่ที่คนไทยบางส่วนเท่านั้น
“เพราะคนไทยส่วนใหญ่เป็นคนดี มีเพียงกลุ่มหัวรุนแรงและบางฝ่ายของทหารเท่านั้นที่อยู่เบื้องหลังปัญหาระหว่างกัมพูชากับไทย เพราะเช่นเคย รัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมกองทัพของตนเองได้ ไม่เหมือนกับประเทศของเรา”
นอกจากนี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน กระทรวงข้อมูลข่าวสารของกัมพูชาได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการถึงเจ้าของสถานีโทรทัศน์ทุกแห่งในประเทศให้ยุติการออกอากาศละครและภาพยนตร์ไทยทุกประเภทตั้งแต่เวลาเที่ยงของวันที่ 13 มิถุนายน 2025 เป็นต้นไป
เช่นเดียวกันกับกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปะ ได้ออกประกาศใหม่ระงับการนำเข้าและฉายภาพยนตร์ไทยในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศกัมพูชา มีผลตั้งแต่เวลาเที่ยงตรงของวันที่ 13 มิถุนายน
ประกาศดังกล่าวตามมาหลังสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียเมื่อวานนี้ เสนอให้ระงับการออกอากาศหนังไทยทางโทรทัศน์กัมพูชา และอาจหยุดการนำเข้าสินค้าจากไทย เพื่อตอบโต้ต่อความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา
อดีตนายกรัฐมนตรีแสดงความกังวลต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า “ท่าทีที่เป็นศัตรูเพิ่มขึ้น” จากกลุ่มหัวรุนแรงในไทย ซึ่งเชื่อว่า ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพฝ่ายนิยมสงคราม รวมถึงคำขู่ที่จะตัดไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตจากไทยไปยังกัมพูชา โดยเขาได้ปฏิเสธคำขู่เหล่านี้ว่าไร้ผล เพราะกัมพูชาไม่ได้พึ่งพาไฟฟ้าจากไทย และมีโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตเพียงพออยู่แล้ว
ฮุน เซนยังเตือนถึงความเสี่ยงที่ความตึงเครียดทางการทหารจะลุกลามไปยังภาคส่วนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งยังชี้ถึงการกระทำล่าสุดของทางการไทยที่เขามองว่าเป็นการรุกคืบและกระทำฝ่ายเดียว เช่น การปิดด่านชายแดนชั่วคราว การจำกัดระยะเวลาพำนักของนักท่องเที่ยวกัมพูชา การขู่ตัดสาธารณูปโภค และการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้รับอนุญาตที่จุดผ่านแดน
เขาย้ำว่า มาตรการเหล่านี้แม้จะเป็นเชิงสัญลักษณ์ แต่ก็จำเป็นเพื่อแสดงถึงอธิปไตยและศักดิ์ศรีของกัมพูชาท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น
สมเด็จฮุน เซน กล่าวถึงความกังวลเรื่องการตอบโต้ของไทยโดยการขับไล่แรงงานกัมพูชาในโพสเดียวกัน เขามองว่าการกระทำดังกล่าวจะย้อนกลับไปทำร้ายไทยเอง
“กัมพูชาไม่ควรกลัวการที่แรงงานกัมพูชาจะต้องกลับจากไทย เรื่องนี้จะสร้างความลำบากทั้งสองฝ่ายเพราะประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอยู่แล้ว” เขาระบุ
ฌ็อง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีฝ่ายต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ แถลงการณ์เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน กล่าวว่า ฝรั่งเศสสามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดหาหลักฐานเอกสารให้กับฝ่ายกัมพูชาและไทยเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดน หากจำเป็น ระหว่างการพบหารือกับสมเด็จฯ ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส
ตันกล่าวถึงผลการเยือนเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศสของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ได้พบปะหารือกับผู้นำหลายประเทศ โดยเฉพาะประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งฮุน มาแนตได้ยืนยันจุดยืนของกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาพรมแดนกับประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดยืนที่ท่านเพิ่งย้ำอีกครั้งต่อผู้นำมาเลเซียไปเมื่อเร็วๆ นี้เช่นกัน
ตันกล่าวเพิ่มเติมว่า “นายกรัฐมนตรีหยิบยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นหารือกับประธานาธิบดีมาครงเพียงเพื่อจุดประสงค์เดียวคือ การชี้แจงจุดยืนของกัมพูชาในเรื่องนี้ ไม่ได้คาดหวังคำตอบที่ชัดเจนใดๆ จากฝรั่งเศส” อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่า “ประธานาธิบดีมาครงกล่าวว่าฝรั่งเศสสามารถช่วยอำนวยความสะดวกได้ เช่น การจัดหาเอกสารบางอย่างให้แก่ทั้งสองฝ่าย คือไทยและกัมพูชา หากจำเป็น”
นายกรัฐมนตรีฮุน มาแนต เดินทางไปร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยมหาสมุทร ครั้งที่ 3 ณ เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 9–11 มิถุนายน 2025
ที่มา: Khmer Times