Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
คปท.ชุมนุมหน้ากระทรวงตปท. ย้ำไทยต้องยืนยันอธิปไตยให้ชัด
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

คปท.ชุมนุมหน้ากระทรวงตปท. ย้ำไทยต้องยืนยันอธิปไตยให้ชัด

9 มิ.ย. 68
13:54 น.
แชร์

9 มิถุนายน 2568 เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ร่วมกับกองทัพธรรมเดินขบวนมายังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อยื่นหนังสือเสนอแนวทางการดำเนินงาน กรณีพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

เดินขบวนยื่นหนังสือให้ กต.

ผู้ชุมนุม คปท. และกองทัพธรรมราว 50 คนรวมตัวกันบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ เวลา 9.00 เดินเท้ามายังกระทรวงการต่างประเทศ และปักหลักปราศรัยที่หน้ากระทรวงฝั่งถนนศรีอยุธยา กระทรวงต่างประเทศดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยปิดประตูทางเข้าด้านดังกล่าว พร้อมมีเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความปลอดภัยบริเวณด้านในกระทรวง

เนื้อหาหลักของการชุมนุมคือการประณามท่าทีที่ผ่านมาของรัฐบาลไทย ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตร และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ ที่กลุ่มผูชุมนุมกล่าวหาว่า ขาดการยืนยันในอธิปไตยของไทย และขอให้รัฐบาลรวมทั้งกระทรวงการต่างประเทศเร่งแสดง

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. ตั้งคำถามถึงกระทรวงการต่างประเทศ เหตุไม่เคยมีหนังสือทักท้วงการรุกล้ำดินแดนอย่างเป็นทางการถึงกัมพูชา เพื่อเป็นการยืนยันในอธิปไตยของประเทศไทย

“กระทรวงการต่างประเทศต้องทักท้วงอย่างเป็นทางการ ต้องประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังกัมพูชา หรือเชิญทูตกัมพูชามาตักเตือน เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ว่าไทยได้ยืนยันในอธิปไตยของชาติ”

พิชิตชี้ว่า แม้กองทัพกัมพูชาจะปรับกำลังพลแล้ว แต่เป็นเพียงวิธีการทางทหารเท่านั้น แต่จุดยืนด้านนโยบายของกัมพูชายังคงเหมือนเดิม คืออ้างสิทธิบริเวณปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มอมเบย ซึ่งทางการกัมพูชายืนกรานยื่นเรื่องสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก (ICJ) พิชิตชี้ว่า นายพิชิตเสนอให้มีการเรียกเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยมาพูดคุย หรือส่งหนังสือตักเตือน รวมทั้งยืนยันอธิปไตยอย่างชัดเจนในการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) วันที่ 14 ให้ชัดเจน

“พวกเราคน คปท. กองทัพธรรม และ กปปส. ได้ไปประท้วงอย่างเป็นทางการที่สถานทูตกัมพูชามาแล้ว ทางการกัมพูชาบอกว่า ถ้าจะให้เป็นทางการ ให้กระทรวงการต่างประเทศทำหนังสือมา [...] ฉะนั้นหนังสือที่เราไปยื่นให้สถานทูตกัมพูชา วันนี้จึงแนบมาส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เอาไปส่งที่สถานทูตกัมพูชา”

หลังการชุมนุมดำเนินไปราว 1 ชั่วโมง นายธนพ ปัญญาพัฒนากุล ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นตัวแทนออกมารับมอบหนังสือจากตัวแทน คปท.

ก่อนหน้านี้ คปท. และกองทัพธรรมจัดการชุมนุมในประเด็นเดียวกันที่กระทรวงกลาโหม และสถานทูตกัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง และจะจัดการชุมนุมครั้งต่อไปพรุ่งนี้ (10 มิถุนายน 2568) ที่ทำเนียบรัฐบาล

ผู้ร่วมชุมนุมหลายคนมาร่วมกิจกรรมพร้อมใส่เสื้อสีเหลืองและพกพาธงชาติไทย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มอนุรักษ์นิยม ผู้ชุมนุมเรียกกลุ่มของตนว่า “กองทัพคนดี” และมีป้ายเขียนมือมีเนื้อหาแสดงความรักชาติ สนับสนุนทหารไทย หรือแสดงความเกรี้ยวกราดต่อกัมพูชา อาทิ “ไม่ยอมแพ้แม้แต่ก้าวเดียว อย่าเชื่อใจคนชั่ว” “เรารักทหารไทย” หรือ “แผ่นดินไทยต้องรักษา”

คุยกับผู้ชุมนุม

อ้อม คือผู้ชุมนุมรายหนึ่งที่ Spotlight มีโอกาสได้พูดคุยด้วย เธอมีอายุ 67 ปีแล้ว แต่เข้าร่วมการชุมนุม คปท. ทุกครั้งเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนแล้ว และยืนยันแนวคิดอย่างหนักแน่นว่า ไม่ต้องการให้ประเทศไทย “เสียพื้นที่”

“อยากให้เขายกเลิก MOU 43-44 ไปเลยค่ะ ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับเขมรเลย [...] ถ้าไปคุย JBC เราเสียดินแดนแน่ [...] เราไม่ให้แม้แต่ตารางนิ้วเดียวค่ะ” อ้อมกล่าว

แม้อ้อมจะอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แต่เพราะอายุและการเดินทางที่ไม่สะดวก เธอและผู้ชุมนุมคนอื่น ซึ่งส่วนมากค่อนข้างสูงวัย อาศัยอยู่ร่วมกันที่เต๊นท์ที่กลุ่มจัดไว้ให้

“อยู่เต๊นท์ก็สะดวกนะคะ มีพัดลมคนละตัว ทำกับข้าวช่วยกัน มีเปิดเพลงเต้นกัน” อ้อมเล่าถึงชีวิตการอยู่ในเต๊นท์ร่วมกับผู้ชุมนุมคนอื่นราว 15 คน เธอจะกลับบ้านราวอาทิตย์ละครั้งเพื่อไปซักผ้าและทำธุระส่วนตัว แต่ที่บ้าน สมาชิกในครอบครัวมีความเห็นทางการเมืองแตกต่าง ทำให้เลี่ยงพูดคุยกันในหัวข้อนี้ อ้อมเรียกตนเองว่าเป็นคน “สีเหลือง” ส่วนคนอื่นๆ ที่บ้านเป็น “สีส้ม” และ “สีแดง” อ้อมกล่าวว่า หวังว่าสักวันคนในครอบครัวที่อายุน้อยกว่าจะเห็นตรงกับเธอ

ผู้ชุมนุมอีกคนคือ อุษา อายุ 53 ปี ที่เดินทางมาชุมนุมทุกวันเช่นกัน เธอกล่าวว่า หลังลูกทั้ง 2 คนแยกย้ายไปใช้ชีวิต และหย่ากับสามี เธอจึงมีเวลา และ “อิสรภาพ” ที่จะมาทำตามอุดมการณ์มากขึ้น ในความหมายนี้คือแสดงความรักชาติร่วมกับ คปท.

อุษาเดินทางมาจากสวนป่านาบุญ 3 บริเวณคลอง 3 จังหวัดปทุมธานี เริ่มเข้าร่วมการชุมนุมและได้เห็นด้วยกับแนวคิดชาตินิยมจากการเข้า “ค่ายสุขภาพแพทย์วิถีธรรม” ซึ่งเธอกล่าวว่าคือ “ประตูด่านแรก”

ค่ายดังกล่าวเป็นค่ายปฏิบัติธรรมที่ให้ความรู้ด้านสุขภาพ อุษากล่าวว่า มีการให้ความรู้ด้านธรรมะ สุขภาพ เศรษฐกิจ รวมถึงการเมืองจากสมาชิกภายใน และนำเธอ รวมถึงคนอื่นๆ ให้ก้าวสู่ประตูบานต่อๆ ไป นำมาสู่การเป็นสมาชิกกองทัพธรรม และร่วมกิจกรรมกับ คปท.

อุษาก็เช่นเดียกับอ้อม และผู้ชุมนุมคนอื่น คือมาชุมนุมพร้อมหลักการ “รักชาติ” และมีความรู้สึกต่อ้านการบริหารงานของรัฐบาลปจจุบน เพราะเชื่อว่ามีความเกี่ยวโยงและให้อำนาจกับอดีตนายกรัฐมนตีทักษิณ ชินวัตร หลายคต้องการให้ไทยใช้แนวทางเด็ดขาดกับกัมพูชา อาทิ การตัดน้ำ ตัดไฟ และปิดด่านอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อบีบให้รัฐบาลกัมพูชาถอยร่นการอ้างสิทธิเหนือพื้นที่พิพาท


แชร์
คปท.ชุมนุมหน้ากระทรวงตปท. ย้ำไทยต้องยืนยันอธิปไตยให้ชัด