ชาวเกาหลีใต้กำลังออกมาเลือกตั้งฉุกเฉินในวันอังคารที่ 3 มิถุนายน เพื่อเลือกผู้นำคนใหม่แทนอดีตประธานาธิบดียุน ซอกยอล ซึ่งถูกถอดถอนจากตำแหน่งหลังประกาศกฎอัยการศึกโดยไม่มีเหตุผลในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีสองผู้สมัครตัวเต็ง ได้แก่ นายอี แจมยอง ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปไตย (DP) ซึ่งเคยลงชิงชัยเก้าอี้ประธานาธิบดีมาก่อน และนายคิม มุนซู อดีตรัฐมนตรีแรงงานและผู้สมัครสายอนุรักษนิยม
Spotlight ได้สรุปประวัติและนโยบายของทั้งสองตัวเต็งมาฝาก
อี แจ-มยองเกิดในครอบครัวชาวนาในหมู่บ้านบนภูเขาห่างไกล ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ เขาเคยทำงานในโรงงานเคมีตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และประสบอุบัติเหตุทางอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้แขนของเขาได้รับบาดเจ็บถาวร และมีปัญหาด้านการได้ยิน
ภายหลังเขาได้รับทุนเรียนกฎหมาย สอบผ่านเนติบัณฑิตในปี 1986 และทำงานเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชนและแรงงานมานานกว่า 20 ปี
อี แจมยองเริ่มต้นเส้นทางการเมืองในปี 2005 กับพรรคอูรี ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะกลายมาเป็นพรรคประชาธิปไตย และได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีเมืองซองนัมในอีกห้าปีต่อมา
ต่อมา เขาชนะการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดของเกาหลีใต้ในปี 2018 ต่อมา ในศึกเลือกตั้งปี 2017 เขาพ่ายแพ้ให้กับมุน แจอิน อดีตประธานาธิบดี และในการเลือกตั้งปี 2022 เขาก็แพ้ให้กับยุน ซอกยอล
ในเดือนมกราคม 2024 อี แจมยองรอดชีวิตจากการลอบสังหาร และในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานละเมิดพระราชบัญญัติการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เขาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับนายคิม มุนกี อดีตผู้บริหารบริษัทพัฒนาเมืองซองนัมในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2022
เศรษฐกิจ
พรรคประชาธิปไตยให้คำมั่นว่าจะเพิ่มงบวิจัยและการพัฒนา โดยจะหันไปลงทุนเพิ่มขึ้นในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หากนายอีชนะการเลือกตั้ง โดยจะเริ่มจากงบประมาณพิเศษของปีนี้ก่อน
พรรคยังมีแผนจะผลักดันอุตสาหกรรมกลาโหมให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ แจกคูปองช่วยเหลือธุรกิจท้องถิ่น และเสริมสร้าง "ซอฟต์พาวเวอร์" ของเกาหลีใต้ผ่านการสนับสนุนอุตสาหกรรมคอนเทนต์
เกาหลีเหนือ
นายอีประกาศจะผลักดันยุทธศาสตร์ใหม่ในเอเชีย พร้อมทั้งเสริมสร้างความร่วมมือกับกลุ่ม "Global South" และขยายความร่วมมือบสหภาพยุโรปในด้านการค้า ห่วงโซ่อุปทาน กลาโหม และโครงสร้างพื้นฐาน
นอกจากนี้ เขายังมุ่งคลี่คลายความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ โดยยังยึดมั่นในเป้าหมายปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี และการส่งคืนสิทกัธิ์ควบคุมปฏิบัติการทางทหารช่วงสงครามจากสหรัฐฯ สู่เกาหลีใต้
นายคิม มุนซู เกิดในครอบครัวที่เรียบง่ายทางภาคใต้ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบท เขาเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล (Seoul National University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ แต่ต่อมาถูกไล่ออก เนื่องจากไปเข้าร่วมกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังจากนั้น ได้ไปทำงานในโรงงาน และจัดตั้งสหภาพแรงงานขึ้น
คิมเคยติดคุกเป็นเวลา 2 ปีจากการร่วมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ต่อมา ได้ร่วมมือกับนักเคลื่อนไหวคนอื่นๆ ก่อตั้งพรรคการเมืองแนวก้าวหน้า ก่อนจะเริ่มเส้นทางการเมือง ด้วยการได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี 1996
เขาดำรงตำแหน่ง ส.ส. 3 สมัย และต่อมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกี 2 สมัย ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ นายคิม มุนซู ยังเคยดำรงตำแหน่งอดีตรัฐมนตรีแรงงานด้วย
เศรษฐกิจ
นายคิมให้คำมั่นว่าจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อภาคธุรกิจ โดยการลดกฎระเบียบ และเพิ่มแรงจูงใจให้กับบริษัทที่จะเข้ามาลงทุนในเกาหลีใต้
เขาประกาศสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรม AI โดยเสนอตั้งกองทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านนี้ และยังเสนอให้ลดภาษีสำหรับชนชั้นกลาง และส่งเสริมการสะสมทรัพย์สินผ่านตลาดคริปโทเคอร์เรนซีที่โปร่งใสและเป็นธรรม รวมถึงกองทุนที่เชื่อมโยงกับสินทรัพย์ดิจิทัล
เกาหลีเหนือ
นายคิมไม่เห็นด้วยกับแนวทางการเจรจากับเกาหลีเหนือ และสนับสนุนนโยบายแข็งกร้าวของอดีตประธานาธิบดียุน ซอกยอล
เขาเสนอให้เสริมสร้างแนวป้องกันต่อภัยคุกคามจากนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ และให้คำมั่นว่าจะจัดหาเครื่องมือการตอบโต้ที่เพียงพอ เช่น ขีปนาวุธ เพื่อสร้างการป้องปรามเชิงรุก
เขายังมีแผนขอรับหลักประกันด้านความมั่นคงเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ เช่น การนำอาวุธนิวเคลียร์ยุทธวิธีกลับมาติดตั้งในเกาหลีใต้ และผลักดันสิทธิในการแปรรูปเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศ
Reuters, Aljazeera , Independent