ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ปลดไมค์ วอลซ์ ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และจะเสนอชื่อเขาให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ โดยเขาได้โพสต์บน Truth Social ระบุว่า จะเสนอชื่อไมค์ วอลซ์ เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติคนต่อไป เพราะวอลซ์ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ผลประโยชน์ของประเทศชาติมาเป็นอันดับแรก ตั้งแต่สมัยที่เขาเป็นทหารในสนามรบ จนกระทั่งมาทำงานที่รัฐสภา และในฐานะที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ซึ่งทรัมป์เชื่อมั่นว่าวอลซ์จะทำงานได้ดีในบทบาทใหม่
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวลือว่า ไมค์ วอลซ์ อาจจะลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีแชทหลุด ซึ่งทำให้แผนโจมตีเยเมนรั่วไหลเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน โดยวอลซ์ได้ออกมายอมรับว่า เป็นผู้สร้างกลุ่มแชตบนแอปพลิเคชัน Signal จริง เพื่อหารือเกี่ยวกับสงครามระหว่างสหรัฐฯ กับกบฏฮูตีในเยเมน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ แต่เขาได้ดึงนายเจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก บรรณาธิการนิตยสารข่าว The Atlantic ของสหรัฐฯ เข้ากลุ่มโดยบังเอิญ
โกลด์เบิร์กเปิดเผยต่อสาธารณะถึงกรณีที่เขาถูกเพิ่มเข้ากลุ่มแชทโดยไม่ได้ตั้งใจ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคน รวมถึงเจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในกลุ่มแชทดังกล่าวด้วย แม้ว่าเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานและประชาชนจะออกมาเรียกร้องให้มีความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ เนื่องจากส่งผลต่อชีวิตของทหารอเมริกันในสนามรบที่เยเมน แต่ดูเหมือนว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะพยายามไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากนัก คาดว่าเขาอาจไม่ต้องการสูญเสียทีมงานในช่วงเริ่มต้นการบริหารประเทศในสมัยที่ 2
การสั่งปลดและหาตำแหน่งใหม่ให้ไมค์ วอลซ์ อาจเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ทรัมป์ใช้เพื่อเก็บที่ปรึกษาคนนี้ไว้ใกล้ตัว ทั้งนี้ วอลซ์ได้ตอบกลับการประกาศของทรัมป์ทาง X โดยเขียนว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้บริการแก่ประธานาธิบดีทรัมป์และประเทศชาติอันยิ่งใหญ่ของเราต่อไป” อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังเป็นเพียงการเสนอชื่อเท่านั้น เนื่องจากกระบวนการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติจะต้องได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภา และวอลซ์จะต้องเผชิญกับกระบวนการสอบสวนก่อนจะก้าวสู่ตำแหน่งใหม่
ทรัมป์ไม่ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับวอลซ์ ขณะที่เขาออกจากทำเนียบขาวในช่วงบ่ายแก่ ๆ เพื่อเดินทางไปอลาบามา เพื่อร่วมพิธีสำเร็จการศึกษาของบัณฑิต ด้านเจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับ Fox News ปฏิเสธว่าการโยกย้ายตำแหน่งดังกล่าวไม่ใช่การลงโทษจากกรณีแชทหลุด เขาระบุว่า หากทรัมป์ต้องการไล่วอลซ์ออกเพราะเรื่องนี้ ก็คงทำไปตั้งนานแล้ว
แวนซ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ไมค์ วอลซ์ ไม่ได้ถูกไล่ออก แต่กำลังจะได้รับแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตประจำองค์การสหประชาชาติ นี่คือการเลื่อนตำแหน่งต่างหาก สื่อมวลชนอาจตีความว่าเป็นการสั่งปลด แต่ความจริงแล้ว ทรัมป์เคยปลดคนออกไปหลายคนโดยไม่ได้เสนอให้รับตำแหน่งใหม่เหมือนกรณีของวอลซ์ ทรัมป์เพียงเห็นว่าวอลซ์เหมาะกับบทบาทฝ่ายบริหารมากกว่าเท่านั้น
ขณะที่ประชาชนพุ่งเป้าไปยัง ‘พีท เฮกเซธ’ ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม ผู้ต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อกรณีแชทหลุดนั้น ทำเนียบขาวและตัวพีทยังไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ เพื่อตอบโต้ แวนซ์ยืนยันว่าตำแหน่งของพีทยังคงปลอดภัย และไม่มีคำสั่งโยกย้าย พร้อมระบุว่า ทีมของทรัมป์ทุกคนยังเชื่อมั่นในตัวพีทอย่างเต็มที่
การสอบสวนกรณีแผนโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนรั่วไหลเริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะนี้การสอบสวนพุ่งเป้าไปยังรัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซธ เช่นกัน โดยสตีเวน สเต็บบินส์ รักษาการผู้ตรวจการกระทรวงกลาโหม และทีมงาน กำลังตรวจสอบการใช้แอปพลิเคชัน Signal ของพีท รวมถึงภรรยา ทนายความ และพี่ชายของเขาด้วย
ทั้งนี้ การหารือแผนปฏิบัติการกับกลุ่มก่อการร้าย โดยเฉพาะในพื้นที่เปราะบางอย่างเยเมน จะต้องส่งผ่านช่องทางการสื่อสารที่ปลอดภัยของกองทัพเท่านั้น เจ้าหน้าที่และประชาชนต้องการทราบว่าเหตุใดแผนลับดังกล่าวจึงถูกถ่ายโอนมายังแอปพลิเคชันแชททั่วไปที่เข้าถึงได้ง่าย อย่างไรก็ตาม พีท เฮกเซธ และโฆษกกระทรวงกลาโหม ฌอน พาร์เนลล์ ปฏิเสธว่าไม่มีการเปิดเผยข้อมูลลับใด ๆ