ธุรกิจการตลาด

สหรัฐฯ ฟ้อง Adobe หลังซ่อนค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย เมื่อยกเลิกสมาชิก

18 มิ.ย. 67
สหรัฐฯ ฟ้อง Adobe หลังซ่อนค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย เมื่อยกเลิกสมาชิก

กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาได้ยื่นฟ้อง Adobe ในข้อหาหลอกลวงผู้บริโภคด้วยการซ่อนค่าธรรมเนียมการยกเลิกสัญญา และการยกเลิกการสมัครสมาชิกที่ทำได้ยาก

โดยในคำร้องเรียนเผยว่า Adobe ได้ทำร้ายผู้บริโภคจากการผลักดันให้สมัคร ‘สมาชิกรายปีแบบชำระเงินรายเดือน’ โดยไม่แจ้งให้ทราบว่า การยกเลิกแผนในปีแรกจะมีค่าใช้จ่ายหลายร้อยดอลลาร์สหรัฐฯ และไม่ได้เปิดเผยข้อกำหนดของแผนที่สำคัญอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ระหว่างการลงทะเบียน Adobe จะซ่อนข้อกำหนดที่สำคัญของแผน APM ไว้ในรูปแบบการพิมพ์อย่างละเอียด และอยู่หลังกล่องข้อความตัวเลือกและไฮเปอร์ลิงก์ พิสูจน์ให้เห็นว่า การเปิดเผยข้อมูลได้รับการออกแบบมาให้ไม่มีใครสังเกตเห็นและผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่เคยเห็น โดย Adobe จะขัดขวางการยกเลิกโดยใช้กระบวนการยกเลิกที่ซับซ้อนและยุ่งยาก”

ส่วนทางด้าน Adobe เผยว่า บริษัทมีแผนที่จะหักล้างข้อเรียกร้องในศาล โดย Dana Rao ที่ปรึกษาทั่วไปและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความน่าเชื่อถือของ Adobe กล่าวในแถลงการณ์ว่า “บริการสมัครสมาชิกมีความสะดวก ยืดหยุ่น และคุ้มราคา เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการ ลำดับเวลา และงบประมาณของพวกเขาได้ดีที่สุด

สำหรับเป้าหมายหลักของ Adobe คือ การทำให้มั่นใจว่า “ลูกค้าของเราจะได้รับประสบการณ์ที่ดีเสมอ และเรามีความโปร่งใสกับข้อกำหนดและเงื่อนไขของข้อตกลงการสมัครสมาชิกของเราและมีกระบวนการยกเลิกที่ง่ายดาย”

Adobe เปลี่ยนไปใช้โมเดลการสมัครสมาชิกในปี 2012 และเริ่มกำหนดให้ผู้บริโภคชำระเงินเพื่อเข้าใช้ซอฟต์แวร์ของบริษัทเป็นงวด ในอดีต ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงซอฟต์แวร์ของบริษัทได้หลังจากชำระค่าธรรมเนียมเพียงครั้งเดียว

การร้องเรียนของกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เกิดขึ้นเนื่องจาก Adobe ละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้บริโภค โดยตามที่คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลาง การสมัครสมาชิกถือเป็นรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัท ซึ่งคดีของ Adobe ในครั้งนี้ คล้ายกันกับคดีฟ้องร้อง Amazon เมื่อปีที่แล้วที่กล่าวว่า บริษัทมี ‘การรู้เท่าทัน’ ในการทำให้การยกเลิกการสมาชิกของลูกค้าในบริการ Prime มีความซับซ้อน

ที่มา TechCrunch

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT