จาก Made in China สู่ Made in PRC กลยุทธ์ลับยกระดับภาพลักษณ์สินค้าจีน!
เปิดเหตุผลทำไมประเทศจีนถึงเปลี่ยนการปั๊มตราสินค้าจาก Made in China เป็น Made in PRC
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หากลองพลิกสินค้าในชีวิตประจำวัน หลายคนอาจจะเห็นการปั๊มบนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ว่า "Made in PRC" ทำให้หลายคนสงสัยว่าหมายถึงประเทศอะไร คำตอบก็คือ Made in PRC ย่อมาจาก Made in People’s Republic of China หรือ "ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีน" นั่นเอง แน่นอนว่าคำถามต่อมาที่อยากรู้คือ ทำไมจีนต้องเปลี่ยนจาก Made in China ด้วย และมีความแตกต่างอย่างไร วันนี้มีคำตอบ
จาก "Made in China" สู่ "Made in PRC"
การที่จีนเริ่มใช้คำว่า "Made in PRC" แทน "Made in China" มีเหตุผลหลักๆ มาจากเรื่อง ภาพลักษณ์ทางการตลาดและการรับรู้ของผู้บริโภค แม้ว่าทั้งสองคำจะหมายถึง "ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีน" หรือ "ผลิตในประเทศจีน" เหมือนกัน แต่การเลือกใช้คำว่า "Made in PRC" ก็เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะดังนี้
1. ลบภาพลักษณ์เดิมของ "Made in China"
ในอดีต สินค้าที่ติดป้าย "Made in China" มักถูกเชื่อมโยงกับภาพลักษณ์ของสินค้าคุณภาพต่ำ ราคาถูก และของเลียนแบบ ในสายตาของผู้บริโภคในหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเทศตะวันตกอย่างสหรัฐอเมริกา การที่จีนเปลี่ยนมาใช้ "Made in PRC" จึงเป็นการพยายาม รีแบรนด์ (Rebrand) และ ยกระดับภาพลักษณ์ ของสินค้าจีน ให้ดูน่าเชื่อถือและมีคุณภาพมากขึ้น เพื่อขจัดความรู้สึกเชิงลบที่ฝังแน่นกับคำว่า "Made in China" ออกไป
2. กลยุทธ์ทางการตลาดและการรับรู้ของผู้บริโภค
การเปลี่ยนข้อความนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อต้านในบางประเทศ ผู้บริโภคหรือแม้แต่รัฐบาล อาจมีทัศนคติเชิงลบหรือต่อต้านสินค้าที่มาจากจีนโดยตรง การใช้ "Made in PRC" ซึ่งเป็นชื่อเต็มของประเทศจีน (People's Republic of China) อาจช่วยลดการต่อต้านหรือความรู้สึกไม่ดีที่เกิดขึ้นได้ เพราะผู้บริโภคบางรายอาจไม่คุ้นเคยกับคำย่อ "PRC" เท่ากับคำว่า "China" นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความรู้สึกใหม่ เป็นความพยายามที่จะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ว่าสินค้าที่ผลิตจากจีนในปัจจุบันมีมาตรฐานการผลิตที่สูงขึ้น และไม่ได้จำกัดอยู่แค่สินค้าที่เน้นราคาถูกอีกต่อไป
3. นโยบาย "Made in China 2025"
การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสอดคล้องกับนโยบาย "Made in China 2025" ของรัฐบาลจีน ที่มุ่งเน้นการยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศให้ทันสมัย ก้าวหน้า และเน้นคุณภาพมากขึ้น ไม่ใช่แค่การเป็น "โรงงานของโลก" ที่เน้นการผลิตจำนวนมากในราคาถูกอีกต่อไป การใช้ "Made in PRC" จึงเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการสื่อสารว่าสินค้าจีนกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นนวัตกรรมและคุณภาพ
สรุปแล้ว "Made in PRC" ก็คือ "Made in China" นั่นเอง เป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดที่จีนใช้เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์สินค้าในเวทีโลก และพยายามเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้า "Made in China" ให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
Advertisement
