ความยั่งยืน

เมืองดี ต้องเดินได้ GOODWALK FOR ALL ฟื้นเศรษฐกิจด้วยเมืองเดินได้

7 ต.ค. 66
เมืองดี ต้องเดินได้ GOODWALK FOR ALL ฟื้นเศรษฐกิจด้วยเมืองเดินได้

รู้หรือไม่? ผลสำรวจของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในปี 2565 พบว่า คนไทยเดินออกกำลังกายเพียง 1.8 กิโลเมตรต่อวัน ซึ่งน้อยกว่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 7,500 ก้าวต่อวัน หรือประมาณ 7.5 กิโลเมตรต่อวัน พฤติกรรมการเดินน้อยของคนไทย ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมามากมาย เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ดังนั้น การพัฒนาเมืองให้เดินได้ จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ โดยเมืองเดินได้ หมายถึง เมืองที่มีความสะดวกและปลอดภัยในการเดิน มีพื้นที่สีเขียวและกิจกรรมทางกายที่หลากหลาย ประชาชนสามารถเดินไปทำงาน ไปโรงเรียน ไปตลาด หรือไปสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

GOODWALK FOR ALL เมืองดี ต้องเดินได้

เมืองดี ต้องเดินได้ GOODWALK FOR ALL

ในงาน SUSTAINABILITY EXPO 2023 (SX2023) มหกรรมความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน มีเวทีเสวนาในหัวข้อ “GOODWALK FOR ALL” เมืองดี ต้องเดินได้ ฟื้นเศรษฐกิจเมือง ด้วยเมืองเดินได้-เมืองเดินดี (เดินปลอดภัย ไปไหนสะดวก เข้าถึงได้ทุกคน)  โดยได้ วิทยากรทรงคุณวุฒิ อาทิ

  • คุณอดิศักดิ์ กันทะเมืองลี้  รองผู้อ่านวยการคูบ ออกแบบ และพัฒนาเอง (UDDC)
  • รศ.ไตรรัตน์ จารุทัศน์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง การออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน
  • คุณสุจิตรา จิระวาณิชย์กุล นักวิจัยประจําศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง  การออกพบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน
  • คุณกรวิชญ์ ขวัญอารีย์ Managing Director MAYDAY!

ที่จะมาบอกเล่าการออกแบบโครงการ GOODWALK FOR ALL เมืองดี ต้องเดินได้  โดยเนื้อหาสาระสําคัญมีดังนี้

เมืองดี ต้องเดินได้ รับสังคมผู้สูงอายุในไทย

 เมืองดี ต้องเดินได้ GOODWALK FOR ALL

รศ.ไตรรัตน์ จารุทัศน์ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง การออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน มองว่า GOODWALK FOR ALL เป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์ต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายด้านร่างกายและความสามารถ โครงการนี้จะช่วยส่งเสริมให้คนเหล่านี้สามารถเดินได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยไม่ต้องกังวลกับอุปสรรคต่างๆ บนทางเท้า และจากการสำรวจขององค์การอนามัยโลก พบว่า ในแต่ละปีมีผู้คนทั่วโลกเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางเท้าประมาณ 2 ล้านคนสาเหตุหลักมาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อความปลอดภัยของผู้เดินเท้า โดยเฉพาะประเทศไทย

ในมุมมองของ รศ.ไตรรัตน์ จารุทัศน์ กับ สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ในปี 2565 ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุมากกว่า 15 ล้านคน คิดเป็น 21.5% ของประชากรทั้งหมด ดังนั้น การวางผังเมืองสำหรับผู้สูงอายุนั้น เกี่ยวโยงกับ เมืองดี ต้องเดินได้ เป็นอย่างมาก 

โดยเมืองดี ต้องเดินได้นั้น หมายถึง เมืองที่ออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนสามารถเดินได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย รวมถึงผู้สูงวัยด้วย การออกแบบเมืองผู้สูงอายุที่สอดคล้องกับเมืองดี ต้องเดินได้ นั้น จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความกว้างของทางเท้าและทางเดิน พื้นทางเดินที่เรียบและไม่ลื่น ป้ายบอกทางที่มองเห็นได้ง่าย สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ เช่น ราวจับและสัญญาณเสียงแจ้งเตือน รศ.ไตรรัตน์ ได้แนะนำตัวอย่างการออกแบบเมืองผู้สูงอายุที่สอดคล้องกับเมืองดี เพิ่มเติมดังนี้

  • ทางเท้าและทางเดิน ควรมีความกว้างเพียงพอที่จะเดินสวนกันได้ ไม่เบียดเสียด พื้นทางเดินควรเรียบ และไม่ลื่น ป้ายบอกทางควรมีขนาดใหญ่และชัดเจน เพื่อให้มองเห็นได้ง่าย รวมถึง สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ เช่น ราวจับและสัญญาณเสียงแจ้งเตือน เป็นต้น
  • อาคารและสถานที่สาธารณะ ควรมีทางลาดและลิฟต์ให้เข้าถึงได้ง่าย ห้องน้ำควรมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับรถเข็นวีลแชร์ อุปกรณ์และบริการต่างๆ ควรมีความเหมาะสมกับการใช้งานของผู้สูงวัย
  • ระบบขนส่งสาธารณะ ควรมีรถโดยสารที่เข้าถึงได้ง่ายและสะดวกสบาย เส้นทางเดินรถควรเชื่อมต่อกับสถานที่ต่างๆ ในเมืองได้อย่างครอบคลุม
  • กิจกรรมและบริการต่างๆ ควรมีกิจกรรมและบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้สูงวัย เช่น พื้นที่สาธารณะสำหรับออกกำลังกาย สวนสาธารณะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น

รศ.ไตรรัตน์ เสนอแนะเพิ่มเติมว่า การออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคนควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความปลอดภัย ความสวยงาม และความเป็นธรรมชาติ เพื่อให้สภาพแวดล้อมนั้นน่าอยู่และเอื้อต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนทุกกลุ่ม เพื่อให้ทุกชีวิตมีความปลอดภัยและยั่งยืน

ตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองด้วย เมือง 15 นาที

 เมืองดี ต้องเดินได้ GOODWALK FOR ALL

คุณอดิศักดิ์ กันทะเมืองลี้ ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) เป็นหนึ่งในผู้ที่ให้ความสำคัญกับแนวคิดเมือง 15 นาที  เป็นแนวคิดในการพัฒนาเมือง ที่มุ่งเน้นให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานและบริการที่จำเป็นต่างๆ ได้ในรัศมี 15 นาที ด้วยการเดินเท้า ปั่นจักรยาน หรือใช้ระบบขนส่งสาธารณะ 

แนวคิดนี้ ได้ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกโดยศาสตราจารย์ Carlos Moreno ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเมืองจากฝรั่งเศส ซึ่งได้รับความสนใจ และนำไปประยุกต์ใช้ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึง ประเทศไทย 

สำหรับประเทศไทยสามารถประยุกต์ใช้แนวคิดเมือง 15 นาทีได้ เริ่มจากการพัฒนาพื้นที่รอบบ้านและชุมชนให้เอื้อต่อการเดินเท้า เช่น พัฒนาทางเดินเท้าและทางจักรยานให้ปลอดภัยและเชื่อมต่อถึงกัน, พัฒนาพื้นที่สาธารณะให้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจและกิจกรรมต่างๆ และ เพิ่มจำนวนและประสิทธิภาพของรถเมล์และรถไฟฟ้า นอกจากนี้ สิ่งที่ได้จากแนวคิด เมือง 15 นาที ตอบโจทย์ความต้องการของคนเมืองอย่างไร

  1. สามารถช่วยลดการพึ่งพารถยนต์ แนวคิดเมือง 15 นาที ทำให้คนเมืองไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ปริมาณการจราจรลดลง มลภาวะทางอากาศและเสียงลดลง และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
  2. ส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของคนเมือง ทำให้คนเมืองสามารถเดินเท้าหรือปั่นจักรยานไปทำงาน โรงเรียน ร้านค้า ร้านอาหาร และสถานที่อื่นๆ ที่จำเป็นได้ ส่งผลให้คนเมืองมีกิจกรรมทางกายมากขึ้น 
  3. แนวคิดเมือง 15 นาที สามารถสร้างชุมชนที่เข้มแข็งได้ เพราะทำให้คนเมืองมีโอกาสพบปะพูดคุยกันมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชนและความรู้สึกเป็นเจ้าของเมือง

คุณอดิศักดิ์ กล่าวเสริมว่า แนวคิดเมือง 15 นาที ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ภาครัฐต้องจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมือง ภาคเอกชนต้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่และบริการต่างๆ ที่จำเป็นในชุมชน และประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนแนวคิดเมือง 15 นาทีด้วยการใช้ชีวิตประจำวันอย่างยั่งยืน

เมืองเดินได้-เมืองเดินดี ต้องไม่ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง 

 เมืองดี ต้องเดินได้ GOODWALK FOR ALL

คุณสุจิตรา จิระวาณิชย์กุล นักวิจัยประจําศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง การออกพบสภาพแวดล้อมเพื่อทุกคน ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ โครงการ GOODWALK FOR ALL เมืองเดินได้-เมืองเดินดี โดยจะเจาะไปที่ทางเท้า เพราะ ทางเดินเท้าเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตของคนทั่วไป ผู้คนมักใช้ทางเดินเท้า เพื่อเดินทางสัญจรไปมา ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่างๆ 

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้ทางเดินเท้าเป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย และ โครงการ GOODWALK FOR ALL ควรมุ่งเน้นไปที่การออกแบบทางเดินเท้าที่คำนึงถึงคนทุกกลุ่ม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยเฉพาะ ผู้พิการทางกายภาพ ทางสายตาและทางการได้ยิน  ดังนั้นการออกแบบทางเดินเท้าที่ดีควรคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • กลุ่มผู้พิการ ผู้ใช้รถเข็น : ทางเดินเท้าควรมีผิวเรียบและมีความลาดเอียงไม่เกิน 2% ทางเดินเท้าควรมีทางลาดสำหรับรถเข็นทุกจุดที่ตัดกันกับทางเท้า, ทางลาดควรมีความกว้างอย่างน้อย 1 เมตร และมีความลาดเอียงไม่เกิน 1:12, ทางลาดควรมีราวจับทั้งสองข้าง, และทางลาดควรมีป้ายบอกทิศทาง
  • กลุ่มผู้พิการสายตา : ทางเดินเท้าควรมีเส้นนำทาง (guide line) ตลอดแนว, เส้นนำทางควรมีพื้นผิวที่แตกต่างจากพื้นผิวทางเดินเท้าทั่วไป, เส้นนำทางควรมีระยะห่างระหว่างกันไม่เกิน 2 เมตร,ทางข้ามถนนควรมีแผ่นสั่นสะเทือน (vibration plate) สำหรับผู้พิการทางการได้ยิน,ป้ายบอกทางควรมีตัวอักษรขนาดใหญ่และชัดเจนกรณีที่สายตาไม่ดี
  • กลุ่มผู้พิการทางหู : ทางข้ามถนนควรมีไฟสัญญาณสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน และ ป้ายบอกทางควรมีสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ การออกแบบทางเดินเท้าที่ดีควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ ต่อไปนี้ ทางเดินเท้าควรมีแสงสว่างเพียงพอ,ทางเดินเท้าควรมีความลาดเอียงน้อยที่สุด,ทางเดินเท้าควรปราศจากสิ่งกีดขวางและทางเดินเท้าควรมีทางลาดสำหรับผู้พิการทางกายภาพ เพราะคุณสุจิตรา เชื่อว่าการออกแบบทางเดินเท้าที่คำนึงถึงคนทุกกลุ่มจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทุกกลุ่มในประเทศไทย 

โครงการ GOODWALK FOR ALL เป็นโครงการที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยเป็นอย่างมาก โครงการนี้จะช่วยให้คนทุกกลุ่มสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและเท่าเทียมกันมากยิ่งขึ้น

GOODWALK FOR ALL ที่ดี ขนส่งสาธารณะก็ต้องดีด้วย

 เมืองดี ต้องเดินได้ GOODWALK FOR ALL

คุณกรวิชญ์ ขวัญอารีย์ Managing Director MAYDAY เชื่อว่า โครงการเมืองเดินได้ที่ดี  ขนส่งสาธารณะรวมถึงป้ายบอกทางนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกคน 

ประเด็นนี้ว่า "เมืองเดินได้" เป็นแนวคิดในการพัฒนาเมืองที่มุ่งเน้นให้คนสามารถเดินทางด้วยเท้าได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าขนส่งสาธารณะไม่มีประสิทธิภาพ จะทำให้ลดประสิทธิภาพของโครงการลง เช่น เมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีโครงการเมืองเดินได้ 

แต่ระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประชาชนยังคงใช้ยานพาหนะส่วนตัวในการเดินทาง ทำให้เกิดปัญหาการจราจรและมลพิษทางอากาศ เช่น เมืองเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีโครงการเมืองเดิน แต่ระบบขนส่งสาธารณะยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนในบางพื้นที่ไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่สาธารณะได้อย่างเต็มที่ 

ดังนั้น หากระบบขนส่งสาธารณะดี ครอบคลุม เข้าถึงได้ และมีคุณภาพ ขนส่งสาธารณะที่ดีจะช่วยให้ผู้คนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก ประหยัดค่าใช้จ่าย และลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนตัว ซึ่งจะช่วยลดการจราจรติดขัดและมลพิษทางอากาศ

อีกหนึ่งปัญหา คือ ป้ายบอกทางไม่มีคุณภาพ ทำให้ หลายๆ คนประสบปัญหาในการหาเส้นทาง บางคนยืนงง หาทางไปต่อไม่ได้ ดังนั้น หากออกแบบป้ายบอกทางที่ดี มีข้อมูลการเดินทางที่ครบถ้วนและเข้าใจง่าย ป้ายที่ดีจะช่วยให้ผู้คนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัยและสามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คุณกรวิชญ์ กล่าวว่า ‘GOODWALK FOR ALL’  มีความสำคัญต่อการพัฒนาเมือง เพราะจะช่วยทำให้เมืองน่าอยู่และเอื้อต่อทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนพิการและผู้สูงอายุ การออกแบบทางเดินเท้าที่ดีจะช่วยให้คนทุกกลุ่มสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และเท่าเทียม นอกจากนี้ การเดินที่ดีได้นั้นจะต้องควบคู่ไปกับขนส่งสาธารณะที่ ก็จะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกคน

 เมืองดี ต้องเดินได้ GOODWALK FOR ALL

กล่าวโดยสรุป คือ โครงการ “GOODWALK FOR ALL” เมืองดี ต้องเดินได้ เป็นแนวคิดที่น่าสนใจและตอบโจทย์ชีวิตคนในประเทศไทยได้อย่างมาก ทั้งส่งเสริมสุขภาพกายและใจ การเดินเป็นการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เผาผลาญแคลอรี ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง 

รวมถึง ช่วยลดมลพิษทางอากาศ การเดินช่วยลดการปล่อยมลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ ส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน การเดินทำให้ผู้คนมีโอกาสสัมผัสกับชุมชนและร้านค้าต่างๆ มากขึ้น จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน และสร้างสังคมที่น่าอยู่และทำให้ชีวิตคนในประเทศมีความยั่งยืน

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT