เฮอริเคนเมลิสซาอ่อนกำลังลงเป็นไซโคลน หลังถล่มจาเมกา-เฮติอ่วม
เฮอริเคนเมลิสซาสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่ประเทศในแถบทะเลแคริบเบียน บ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานเสียหายอย่างหนัก ขณะที่น้ำท่วมชุมชนและคร่าชีวิตผู้คนหลายสิบราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บีบีซีรายงานว่า นับจนถึงเมื่อวานนี้ (29 ตุลาคม 68) ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลของพายุในจาเมกาปรากฏให้เห็นชัดขึ้น หลังจากพายุพัดผ่านไปแล้วด้วยความรุนแรงของเฮอริเคนระดับ 5 โดยทางการยืนยันว่า พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย
ประชาชนจำนวนมากยังคงต้องอาศัยอยู่บนหลังคาบ้าน หลังน้ำท่วมหนัก และไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยนายกรัฐมนตรีแอนดรู โฮลเนสส์ของจาเมกาย้ำว่า เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงทั่วทั้งเกาะ โดยหลังคาราว 80-90 เปอร์เซ็นต์ของบ้านเรือนประชาชน โรงพยาบาล ห้องสมุด สถานีตำรวจ และอื่น ๆ ได้รับความเสียหาย
ขณะที่พายุเคลื่อนตัวเข้าเฮติ ขณะมีความรุนแรงเป็นเฮอริเคนระดับสอง แต่ก็ทำให้มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย ในจำนวนดังกล่าวเป็นเด็ก 10 คน ซึ่งเสียชีวิตในแม่น้ำที่เกิดน้ำท่วมสูง
เฮติยังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มครั้งใหญ่ ส่งผลให้ประชาชนกว่า 3,000 คนต้องอพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิง
ปาสกาล บิเมนยิมานา จากองค์กรคริสเตียนเวิลด์รีลีฟ (World Relief) ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติกล่าวว่า บ้านเรือนจำนวนมากถูกน้ำพัดหายไปตามแนวชายฝั่ง พร้อมระบุว่า หลังคาของอาคารหลายหลังถูกลมพัดหายไป และชาวบ้านต้องช่วยกันเคลียร์ซากปรักหักพังด้วยมือเปล่า
สหรัฐฯ ส่งความช่วยเหลือ
สหรัฐอเมริกาได้ประกาศส่งทีมรับมือภัยพิบัติเดินทางไปยังจาเมกา เพื่อประเมินความเสียหายหลังพายุเฮอริเคนถล่ม โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มีคำร้องขอความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการจากเฮติ และ บาฮามาส แล้ว
ความช่วยเหลือนี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งประกาศสั่งปิดหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ซึ่งเคยเป็นหน่วยงานช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากมีการตัดงบประมาณช่วยเหลือต่างประเทศหลายพันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ คาดว่า พายุเมลิสซาจะไม่ขึ้นฝั่งในทวีปอเมริกาเหนือ แต่จะยังคงมีกำลังแรงในรูปแบบไซโคลน ขณะเคลื่อนเข้าใกล้เมืองเซนต์จอห์นส์ ในรัฐนิวฟันด์แลนด์ ประเทศแคนาดา คืนวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคมนี้
