สำนักข่าวซินหัวรายงานอ้างแถลงการณ์จากมหาวิทยาลัยโมนาชของออสเตรเลีย ระบุว่า นักวิจัยค้นพบเชื้อไวรัสจำนวนนับร้อยชนิดที่ไม่รู้จักมาก่อนที่อาศัยอยู่ในแบคทีเรียในลำไส้ของมนุษย์ มีชื่อว่า "แบคเทอริโอเฟจ" (bacteriophages) ซึ่งในอนาคตอาจถูกนำมาใช้เพื่อปรับโครงสร้างของสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ และอาจส่งผลต่อสุขภาพของลำไส้ รวมถึงการลุกลามของโรคต่างๆ
การศึกษาดังกล่าวเผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ (Nature) และถือเป็นงานวิจัยลักษณะนี้ชิ้นแรกที่ใช้แนวทางการเพาะเลี้ยงในระดับขนาดใหญ่เพื่อแยกและศึกษาลักษณะของแบคเทอริโอเฟจในลำไส้ของมนุษย์
ทีมนักวิจัยศึกษาแบคทีเรีย 252 ชนิดที่แยกจากไมโครไบโอมหรือชีวนิเวศจุลชีพ (microbiome) ในลำไส้ของมนุษย์ ซึ่งต้องเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการเฉพาะทางภายใต้สภาวะไม่มีออกซิเจน จากนั้นจึงทำการทดลองด้วยสารประกอบ อาหาร และสภาวะต่างๆ รวม 10 ประเภท
การศึกษาพบว่า หญ้าหวานหรือสตีเวีย (Stevia) ซึ่งเป็นสารให้ความหวานทดแทนจากพืช และสารประกอบที่ถูกปล่อยออกมาจากเซลล์ในลำไส้ของมนุษย์ เป็นตัวกระตุ้นสำคัญของไวรัสเฟจในลำไส้ และสามารถกระตุ้นไวรัสที่แฝงตัวอยู่ในแบคทีเรียจนอาจส่งผลต่อการเกิดโรคในลำไส้ เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
ศาสตราจารย์เจเรมี บาร์ จากคณะวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มหาวิทยาลัยโมนาช กล่าวว่า สิ่งนี้เป็นงานวิจัยพื้นฐานที่เปลี่ยนแนวคิดและวิธีศึกษาไวรัสในลำไส้ของมนุษย์ โดยวางรากฐานสำหรับการประยุกต์ใช้ในด้านชีววิทยาสังเคราะห์ ชีวเทคโนโลยี และการรักษาที่เกี่ยวข้องกับไมโครไบโอม
งานวิจัยข้างต้น ซึ่งจัดทำภายใต้ความร่วมมือกับสถาบันวิจัยการแพทย์ฮัดสันของออสเตรเลีย ระบุว่า ชีววิทยาของมนุษย์มีบทบาทสำคัญและสามารถกำหนดลักษณะของเชื้อไวรัสในลำไส้ได้โดยตรง
นักวิทยาศาสตร์ยังใช้เทคนิคพันธุวิศวกรรมแบบคริสเปอร์ (CRISPR) หรือเทคโนโลยีทางพันธุวิศวกรรมที่ใช้สำหรับแก้ไขหรือปรับแต่งสารพันธุกรรม (DNA) ของสิ่งมีชีวิต ในการระบุการกลายพันธุ์ในยีนไวรัสที่ไปสกัดกั้นการกระตุ้น ซึ่งมอบข้อมูลว่าเหตุใดไวรัสบางชนิดในลำไส้จึงอยู่ในสภาวะแฝงตัวถาวร โดยข้อมูลนี้อาจเป็นแนวทางสำหรับการพัฒนากลยุทธ์รักษาในอนาคตเพื่อช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้