IMF ชี้จีนเกินดุลมากไป ต้องลด เตือนทั่วโลกอย่าเข้าร่วมสงครามการค้า
ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้า คริสตาลินา จอร์เจียวา (Kristalina Georgieva) กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกคงรักษา ‘การค้า’ เอาไว้เป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกต่อไป อย่าเข้าสู่สงครามการค้าหรือเพิ่มความตึงเครียดทางการค้าเหมือนสหรัฐฯกับจีน และยังแนะนำให้จีนเพิ่มการบริโภคในประเทศ เพราะจีนส่งออกมากจนเกินดุลการค้ามากเกินไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรรมการผู้จัดการ IMF กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2025 โดยกล่าวถึงคาดการณ์เศรษฐกกิจที่ปรับปรุงล่าสุดในรายงาน ‘World Economic Outlook’ ฉบับเดือนตุลาคมว่า การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกค่อนข้างคงที่ และคาดว่าจะชะลอตัวลงจากที่โต 3.3% เมื่อปีที่แล้ว เหลือโต 3.2% ในปีนี้ และจะโต 3.1% ในปี 2026 ซึ่งดีกว่าที่ IMF คาดการณ์ไว้เมื่อหกเดือนที่แล้ว
จอร์เจียวาเตือนว่า แม้ว่าเศรษฐกิจโลกมีความยืดหยุ่นทานทนกว่าที่คาด แต่ถึงกระนั้น แนวโน้มที่เห็นในตอนนี้ก็ยังดูไม่สู้ดีนัก โดยแนวโน้มการเติบโตในระยะกลางยังคงอ่อนแอ หนี้สาธารณะอยู่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่สมดุลอย่างมาก
ในช่วงหนึ่งที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก จอร์เจียวาแนะว่า เศรษฐกิจโลกต้องปรับสมดุล ต้องลดความไม่สมดุลซึ่งพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ประเทศที่เกินดุลการค้าสูงมากเกินไป เช่น จีน ควรกระตุ้นอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ รวมถึงต้องลดการใช้จ่ายด้านนโยบายอุตสาหกรรมลง และใช้จ่ายด้านระบบสวัสดิการสังคมให้มากขึ้น ขณะที่สหรัฐฯถูกเตือนให้ลดการขาดดุลการคลัง และสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนออมเงิน
ในการตอบคำถามตอนหนึ่ง ซึ่งผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับการที่ประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วต้องการหยุดยั้งการค้า (หมายถึงการที่สหรัฐฯตั้งกำแพงภาษี) และปล่อยให้ประเทศกำลังพัฒนาไม่เติบโต กรรมการผู้จัดการ IMF กล่าวว่า ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างแท้จริง คือ ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก (สหรัฐฯ) เลือกใช้ภาษีเป็นเครื่องมือในการดีลกับคู่ค้า ขณะที่ประเทศอื่นๆ ยังไม่ได้ใช้แนวทางนี้ มีเพียงสหรัฐฯ จีน และแคนาดา เท่านั้นที่ประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าตอบโต้สหรัฐฯ
จอร์เจียวามองว่า ดีแล้วที่ประเทศอื่นๆ ยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรที่เพิ่มความตึงเครียด เพราะประเทศต่างๆ ในโลกนี้ต้องการทำการค้าภายใต้กฎ Most-favoured Nation (การปฏิบัติต่อสินค้าจากประเทศสมาชิก WTO อย่างเท่าเทียมกัน) ต่อไป และ IMF ก็กำลังสนับสนุนให้ประเทศต่างๆ ทำเช่นนั้น
นอกจากนั้น เธอวิเคราะห์ผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนว่า จนถึงขณะนี้ ประเทศอื่นๆ ที่เหลือทั่วโลกไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสงครามการค้า ดังนั้น สำหรับประเทศต้นทางส่งออกซึ่งเป็นฝ่ายรับอัตราภาษีศุลกากร ภาษีจะไม่มีผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่สำหรับสหรัฐฯที่เป็นฝ่ายเก็บภาษีศุลกากร ภาษีอาจผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น
“หากความตึงเครียดทางการค้าปะทุขึ้น แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบ นี่คือเหตุผลที่เราขอเรียกร้องว่า โปรดอย่าทำเช่นนั้น มันไม่ใช่การกระทำที่ส่งผลดี” กรรมการผู้จัดการ IMF กล่าว
