หนึ่งในธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นลอมบาร์เดียของอิตาลี ธารน้ำแข็งเวนตินาละลายลงอย่างรวดเร็ว เป็นผลพวงของสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ธารน้ำแข็งดังกล่าวละลายลงอย่างรวดเร็วจนนักธรณีวิทยาไม่สามารถวัดได้ทันอย่างที่เคยทำตลอด 130 ปีที่ผ่านมา
สาเหตุที่นักธรณีวิทยาไม่สามารถตรวจสอบระดับการละลายของธารน้ำแข็งได้ก็เพราะว่า หมุดวัดที่ใช้วัดระดับการละลายของธารน้ำแข็งจมหาย หลังเผชิญคลื่นความร้อนที่มาเยี่ยมเยียนยุโรปหลายระลอก ทำให้มันถูกฝังกลบไว้ใต้เศษดิน หิน เสียแล้ว บ่งบอกได้ว่า ภูมิประเทศส่วนนี้ไม่ปลอดภัยพอให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมในอนาคตอันใกล้นี้
หน่วยงานด้านธารน้ำแข็งในแคว้นลอมบาร์เดียกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ทางหน่วยงานจะเปลี่ยนมาใช้ภาพถ่ายจากโดรนและการสำรวจระยะไกลติดตามก็ละลายของธารน้ำแข็งแทน
ธารน้ำแข็งเวนตินาเป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี และอยู่ใกล้กับจังหวัดซอนดริโอ ที่อยู่ในแคว้นลอมบาร์เดียเช่นกัน จังหวัดนี้ซอนดริโอคือสถานที่จัดกิจกรรมบางส่วนในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2026
นักธรณีวิทยากล่าวว่า ธารน้ำแข็งเวนตินาสูญเสียความสูงไปแล้ว 1.7 กิโลเมตรนับตั้งแต่มีการติดตั้งหมุดวัดครั้งแรกบริเวณด้านหน้าของธารน้ำแข็งในปี ค.ศ. 1895
การละลายได้เร่งตัวขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยธารน้ำแข็งสูญเสียความหนาไป 431 เมตร (471 หลา) ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และเกือบครึ่งหนึ่งความสูงที่ละลายหายไปเริ่มตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของภาวะโลกร้อนที่เร่งตัวขึ้นซึ่งกำลังละลายและทำให้ธารน้ำแข็งของยุโรปหดเล็กลง อันก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและด้านอื่นๆ มากมาย
อันเดรีย ทอฟฟาเลตติ สมาชิกหน่วยงานด้านธารน้ำแข็งในแคว้นลอมบาร์เดียกล่าวถึงพัฒนาการการละลายของน้ำแข็ง
“ในขณะที่เรายังพอมีความหวังได้ก่อนช่วงทศวรรษที่ 1980 ว่าอาจมีวัฏจักรปกติ [ของการหดตัว] หรืออย่างน้อยการหดก็จำกัดลง แต่ในรอบ 40 ปีที่ผ่านมากลับมีเรื่องน่าตกใจเกิดขึ้นจริง ๆ ”
ธารน้ำแข็งบนภูเขาของอิตาลี ซึ่งพบได้ทั่วเทือกเขาแอลป์และโดโลไมต์ทางตอนเหนือ และตามแนวเทือกเขาแอเพนไนนส์ตอนกลาง ได้หดตัวลงต่อเนื่องมาหลายปี เนื่องจากหิมะตกไม่เพียงพอในฤดูหนาว และฤดูร้อนที่ร้อนจัดทำลายสถิติ นอกจากนี้ธารน้ำแข็งมักจะละลายบ้างในช่วงฤดูร้อน และน้ำละลายจะไหลไปหล่อเลี้ยงลำธารและแม่น้ำบนภูเขา
ทอฟฟาเลตติกล่าวถึงการรักษาธารน้ำแข็งในฤดูร้อนจัด ชี้ว่ายากขึ้นเรื่อย ๆ
“เราไม่สามารถรับประกันการคงอยู่ของหิมะฤดูหนาวที่ทำให้ธารน้ำแข็งยังคงอยู่ได้อีกต่อไป [...] หากจะฟื้นฟูและรักษาสมดุลธารน้ำแข็งไว้ ต้องมีปริมาณหิมะที่เหลือจากฤดูหนาวจำนวนหนึ่งบนผิวธารน้ำแข็งจนถึงสิ้นฤดูร้อน และสิ่งนี้เกิดขึ้นน้อยลงเรื่อยๆ”
ตามรายงานของบริการลอมบาร์ดี เทือกเขาแอลป์เป็นพื้นที่ร้อนของภูมิอากาศ โดยมีการบันทึกอัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยโลกนับตั้งแต่ยุคก่อนอุตสาหกรรม ส่งผลให้สูญเสียปริมาตรธารน้ำแข็งแอลไพน์ไปแล้วกว่า 64%
ในเดือนกุมภาพันธ์ วารสาร Nature รายงานการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ธารน้ำแข็งทั่วโลกสูญเสียน้ำแข็งในอัตราประมาณ 255 พันล้านตัน (231 พันล้านเมตริกตัน) ต่อปี ระหว่างปี 2000 ถึง 2011 แต่ตัวเลขนั้นเร่งขึ้นเป็นประมาณ 346 พันล้านตัน (314 พันล้านเมตริกตัน) ต่อปีในราวทศวรรษถัดมา
ที่มา: AP