20 สิงหาคม 2568 ไฟป่าบนคาบสมุทรไอบีเรีย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศสเปนและโปรตุเกสทวีกำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยข้อมูลจากศูนย์บริการตรวจสอบบรรยากาศโคเปอร์นิคัสแห่งสหภาพยุโรป (CAMS) ระบุว่านี่อาจเป็นฤดูไฟป่าที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
ข้อมูลจากระบบสารสนเทศไฟป่ายุโรปของสหภาพยุโรป (EFFIS) เปิดเผยว่านับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 สเปนต้องเผชิญกับไฟป่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากคลื่นความร้อนรุนแรงที่ยาวนานถึง 16 วัน โดยปีนี้ไฟป่าได้เผาผลาญพื้นที่ในสเปนไปแล้วมากกว่า 2,349 ตารางกิโลเมตร หรือมากกว่าพื้นที่เฉลี่ยที่ถูกไฟป่าเผาระหว่างปี 2549 - 2567 ถึง 5 เท่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้
จากบันทึกของ CAMS ที่ติดตามการเผาไหม้ก๊าซเรือนกระจกจากไฟป่าทั่วโลก พบว่าสถานการณ์ไฟป่าดูเหมือนจะปกติดีตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ที่มีค่าเฉลี่ยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ต่างจากค่าเฉลี่ยหลายปีให้หลังมานี้
อย่างไรก็ตาม ไฟป่าในสเปนที่โหมความรุนแรงมากขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ ได้เพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากไฟป่าของปี 2568 ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วงเวลาที่เดือนสิงหาคมยังไม่สิ้นสุดลงนี้ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกก็ได้แซงหน้าทั้งปีของปี 2546 ไปเรียบร้อยแล้ว
การเพิ่มขึ้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากไฟป่าในสเปน หากดูจากสถิติปริมาณสะสมรายวัน เส้นกราฟมีลักษณะแทบจะเป็นเส้นตั้งตรงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดรวมการปล่อยคาร์บอนจากไฟป่าประจำปีของสเปนสูงที่สุดในรอบอย่างน้อย 23 ปี
ไฟป่าในแคว้นคาสติญาและเลออน, กาลิเซีย, อัสตูเรียส และเอ็กเตรมาดูรา ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสเปน มีความรุนแรงจากสภาพความแห้งแล้งและความร้อนสะสมจากคลื่นความร้อนหลายระลอกตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
El País สำนักข่าวท้องถิ่นของสเปนรายงานว่า มีไฟป่าปะทุอยู่มากกว่า 40 จุดทั่วประเทศ โดย 26 จุดอยู่ในแคว้นคาสติญาและเลออน ล่าสุด เหตุการณ์ไฟป่าในครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน และต้องมีการอพยพประชาชนมากกว่า 30,000 คน ขณะเดียวกัน เส้นทางรถไฟสายมาดริด-กาลิเซีย ต้องหยุดให้บริการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงถนนหลายสิบสายในสเปน
ข้อมูลจาก CAMS ชี้ว่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มีความเข้มข้นเพิ่มสูงขึ้นทั่วคาบสมุทรไอบีเรีย และคุณภาพอากาศในบริเวณหลายร้อยกิโลเมตรรอบจุดเกิดไฟป่า อยู่ในระดับ ‘เลวร้ายลงอย่างรุนแรง’ เนื่องจากปริมาณ PM 2.5 มีระดับความเข้มข้นสูงเกินกว่ามาตรฐานคุณภาพอากาศที่องค์การอนามัยโลกกำหนด
เพื่อนบ้านบนคาบสมุทรไอบีเรียอย่างโปรตุเกสเองก็เผชิญไฟป่าเช่นเดียวกัน โดยเปลวไฟได้ลุกโหมหนักบนพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 และรัฐบาลโปรตุเกสประกาศภาวะฉุกเฉินมาตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม
ปัจจุบันมีนักดับเพลิงเข้าควบคุมไฟป่าในโปรตุเกสมากกว่า 3,600 คน แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงที่โหมหนักได้ เช่นเดียวกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ข้อมูลจาก CAMS ชี้ว่าปริมาณก๊าซที่ปล่อยปี 2568 นี้ ได้แซงหน้าปริมาณก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งปี 2546 และปี 2548 ของประเทศโปรตุเกสไปเรียบร้อยแล้ว
ควันไฟจากไฟป่าในสเปนและโปรตุเกสกำลังถูกพัดไปยังประเทศใกล้เคียงอย่างฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียภายในสัปดาห์นี้ รวมกับควันไฟป่าที่เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมาจากแคนาดาและสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการซ้ำเติมปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากสเปนและโปรตุเกสแล้ว หลายประเทศในยุโรปใต้ก็เผชิญไฟป่าเมื่อสัปดาห์ก่อน เช่น ฝรั่งเศสและกรีซ ที่เผชิญไฟป่ารุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี และยังอยู่ในความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าอีก เนื่องจากคลื่นความร้อน
ข้ามไปที่อเมริกาเหนือ แคนาดามีไฟป่าที่กำลังปะทุอยู่ในมลรัฐซัสแคตเชวันและแมนิโทบา โดยการปล่อยคาร์บอนจากไฟป่าครั้งนี้นับเป็นปริมาณสูงสุดเป็นอันดับสอง รองจากฤดูไฟป่าที่เลวร้ายในปี 2566 เท่านั้น
ส่วนในสหรัฐอเมริกา มีไฟป่าขนาดใหญ่หลายจุดที่ประกาศขึ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และยังคงต่อเนื่องมาจนถึงเดือนสิงหาคม ในรัฐต่าง ๆ เช่น เนวาดา แอริโซนา ยูทาห์ และโคโลราโด โดยสถานการณ์ในอเมริกาเหนือลดลงเล็กน้อยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ที่มา: Atmosphere.Copernicus, ElPais, EuroNews, EarthObservatory