Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
โอกาสไทยในตลาดโปรตีนพืช ลงทุนน้อยผลตอบแทนมาก
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

โอกาสไทยในตลาดโปรตีนพืช ลงทุนน้อยผลตอบแทนมาก

31 ก.ค. 68
11:44 น.
แชร์

ไม่ใช่แค่กองทัพที่เดินด้วยท้อง แต่ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่อยู่ในชั้นบรรยากาศด้วย เพราะกว่า 1 ใน 3 ของก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาในแต่ละปีมาจากระบบการผลิตและบริโภคอาหารทั่วโลก! และส่วนที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่ใครที่ไหน คือภาคปศุสัตว์นี่เอง

ทำไมจึงเป็นปศุสัตว์ที่สร้างก๊าซเรือนกระจกมาก?

ลองนึกถึงการกินผักผลไม้และการกินเนื้อดูสิ กว่าจะได้ผักและผลไม้มากิน เราต้องใช้ดิน ใช้น้ำ ใช้ปุ๋ย ใช้เมล็ดพืช ใช้แรงงาน ใช้เวลาในการปลูก บางชนิดปลูกไม่กี่เดือนแล้วกินได้ บางชนิดใช้เวลาหลายปีจึงจะออกผล แต่ก็สามารถผลิตผลผลิตได้หลายครั้ง

แต่การกินเนื้อสัตว์คือการเอาทรัพยากรที่เราใช้ในการปลูกผัก คูณกับจำนวนครั้งที่สัตว์ตัวหนึ่งต้องกินตลอดอายุขัยจนกว่าผู้ผลิตจะคิดว่ามันพร้อมเข้าโรงเชือดแล้วหรือยัง นี่แค่อาหารสัตว์ ยังไม่นับรวมที่ดิน น้ำ และเวลาในการเลี้ยงสัตว์ ที่สัตว์เนื้อแดงอาจใช้เวลาหลายเดือนถึงหลายปี

เนื้อสัตว์ที่ผลิตก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดคือ เนื้อวัว มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 24 กิโลเทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ต่อเนื้อวัว 200 แคลอรี่ และด้วยพลังงานที่เท่ากัน เนื้อสังเคราะห์ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 19 กิโลกรัมเทียบเท่าคาร์บอนไดออกไซด์ และโปรตีนจากการหมักบ่มเชื้อราราว 10 และไก่ราว 5.5 ตามมาด้วยหมูที่ 4

ส่วนเต้าหู้มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อเต้าหู้ 200 แคลอรี่ที่ 3 กิโลกรัมเทียบเท่าคาร์บอน ผักผลไม้ไม่แปรรูปมีจำนวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนน้อยลงไปอีก โปรตีนจากพืชผักจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนเริ่มสนใจ

ไทยได้อะไรถ้าลงทุนกับโปรตีนทางเลือก?

โอกาสประเทศไทยในตลาดโปรตีนจากพืชเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงในงาน Plant-Rich Food Forum & Culinary Experience ที่จัดโดยองค์กรระหว่างประเทศ Tilt Collective ร่วมกับ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ The Cloud เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568
ภายในงานย้ำว่า การบริโภคพืชผักมากขึ้นสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ สร้างเม็ดเงินใหม่ถึง 1.3 ล้านล้านบาท สร้างงานใหม่มากกว่า 1 ล้านตำแหน่ง ลดอัตราการป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และเพิ่ม Health Span ของประชากรทั่วโลก

ที่ผ่านมา มีการสร้างความตื่นตัวในอุตสาหกรรมอาหารไทยอย่างต่อเนื่อง ถึงการผลิตโปรตีนทางเลือก อย่างโปรตีนจากแมลง ที่สร้างก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าพืชผักบางชนิดเสียอีก และในงาน Plant-Rich Food Forum & Culinary Experience ภาคเอกชนโดยเฉพาะ โรงแรม ภัตตาคาร คาเฟ่ รวมไปถึงองค์กรระหว่างประเทศ ภาคประชาสังคม และผู้ออกนโยบายมาคุยเรื่องนี้กันอีกครั้งเพื่อทบทวนโอกาสโปรตีนทางเลือกในประเทศไทย

นายวีระพงษ์ ประภา ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า ระบบอาหารไม่ใช่แค่เรื่องปากท้องหรือสิ่งแวดล้อมเท่านั้น หากแต่เป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเจรจาต่อรองของไทยในเวทีโลก โดยมียุทธศาสตร์หลัก 3 ด้านที่สอดคล้องกับระเบียบการค้าใหม่ ได้แก่

  • การผลักดันความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรปให้คืบหน้า ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจสีเขียว
  • การเร่งผลักดันการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ภายในปี 2030
  • การเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจ SME และนวัตกรรมไทยให้มีบทบาทในห่วงโซ่มูลค่าโลกมากยิ่งขึ้น

ลงทุนน้อย ผลตอบแทนมาก

รายงาน Tilt Collective ปี 2024 Transforming the Global Food System ชี้ว่าการลงทุนกับโปรตีนทางเลือกจะให้ “ผลตอบแทนด้านสภาพอากาศ” มาก คือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 28 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อเงินลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคุ้มค่ากว่าการลงทุนกับรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 4 เท่า และยังช่วยลดงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพได้อีกด้วย

เช่นเดียวกันกับรายงานของ Medra Brava ที่ชี้ว่า การเปลี่ยนอาหารในจาน จากโปรตีนจากเนื้อสัตว์ มาเป็นโปรตีนจากพืชเพียงครึ่งหนึ่ง จะช่วยสร้าง GDP ให้ประเทศได้มากขึ้น 1.3 ล้านล้านบาท และสร้างงานกว่า 1 ล้านตำแหน่ง ทั้งยังลดพื้นที่เพาะปลูกจากปศุสัตว์ได้ด้วย

ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจ แต่สิ่งแวดล้อม-สุขภาพด้วย

ปัจจุบันคนไทยมีนิสัยนิยมการกินเนื้อสัตว์มาก คือโปรตีนจากเนื้อสัตว์นับเป็นโปรตีน 70% ในแต่ละวัน ซึ่งเกินโปรตีนค่ากำหนดที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ คือควรกินโปรตีนจากพืช:เนื้อสัตว์ในสัดส่วน 1:2 ดังนั้นพฤติกรรมการบริโภคเนื้อสัตว์มากของคนไทยไม่เพียงจะส่งผลร้ายต่อสิ่งแวดล้อม แต่ต่อสุขภาพเองด้วย
ดร.ชนิดา ปโชติการ ที่ปรึกษาสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผลการศึกษาจากงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า การรับประทานอาหารที่เน้นพืชเป็นหลักสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และมะเร็งได้อย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับบริบทของประเทศไทย แนวทางการจัดสัดส่วนอาหารที่เหมาะสมคือ 2:1:1 ได้แก่ ผัก 2 ส่วน ข้าวหรือแป้ง 1 ส่วน และเนื้อสัตว์ 1 ส่วน ซึ่งถือเป็นจานอาหารสุขภาพที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
“เราคงเคยเห็นคำแนะนำด้านโภชนาการจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Mediterranean Diet, DASH Diet หรือ Flexitarian Diet ซึ่งต่างก็ให้ความสำคัญกับการบริโภคพืชมากกว่าเนื้อสัตว์ นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างสรรค์ ‘Siam Diet’ หรือแนวทางการกินอาหารไทยเพื่อสุขภาพในแบบฉบับของเราเอง”

ในด้านสิ่งแวดล้อม
นางสาวสิรินยา ลิม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ สอวช. ระบุว่า ประเทศไทยมีเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 โดยจะขับเคลื่อนผ่านระบบอาหารจากพืชใน 3 แนวทางหลัก ได้แก่

  • สนับสนุนการแปรรูปขั้นต้น เพื่อให้เกษตรกรมีบทบาทในการพัฒนาและดึงดูดการลงทุนด้านโปรตีนทางเลือกจากทั้งในและต่างประเทศ
  • ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวัตถุดิบพื้นถิ่นของไทยให้มีทั้งรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ พร้อมบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพให้เติบโตในอุตสาหกรรมนี้
  • พัฒนาตลาดและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการบริโภคอาหารจากพืชในวงกว้าง

“หลายประเทศมีนโยบายที่ชัดเจนในการผลักดัน เช่น ฝรั่งเศสมีกฎหมาย Climate and Resilience Bill ที่กำหนดให้หน่วยงานรัฐที่ให้บริการอาหารต้องมีเมนูอาหารจากพืชทุกวัน ขณะที่ไต้หวันมีกฎหมาย Climate Change Response Act ที่สนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมในการส่งเสริมอาหารคาร์บอนต่ำ”

สิรินยากล่าวถึงนวัตกรรมท้องถิ่นของไทยที่อาจนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ เช่น ไข่ผำ ที่เป็นพืชโปรตีนสูง เช่นเดียวกันกับนางสุภา ใยเมือง ผู้อำนวยการมูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน ที่ยกตัวอย่างพืชอย่าง ผักเหลียง ขี้เหล็ก ถั่วพู ยอดมะม่วงหิมพานต์ ที่คนไทยน่าจะบริโภคให้หลากหลายขึ้น เพราะเมื่อบริโภคหลากหลาย เกษตรกรจะสามารถเพาะปลูกพืชพันธุ์ที่หลากหลาย อย่างการปลูกพืชหลังเก็บเกี่ยวข้าว ปลูกเคลร่วมกับหัวไชเท้า ผักโขมคู่กับข้าวโพด ส่งผลดีต่อจุลินทรีย์ในผืนดิน ช่วยในการกักเก็บคาร์บอน มีความหลากหลายทางพันธุกรรม และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับพื้นที่

แชร์
โอกาสไทยในตลาดโปรตีนพืช ลงทุนน้อยผลตอบแทนมาก