ในวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการพิจารณาการจัดตั้งกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน Thailand ESG Fund (TESG) คาดว่า บลจ.ต่างๆ จะเริ่มขายกองทุน TESG ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2566 เพื่อให้ทันใช้สิทธิลดหย่อนภาษีปี 2566 นี้
วันนี้ SPOTLIGHT จะพามาทำความรู้จัก กองทุนลดหย่อนภาษีรูปแบบใหม่ “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” หรือ THAILAND ESG Fund : TESG มีเงื่อนไขอย่างไร สามารถลดหย่อนได้เมื่อไหร่ และสามารถซื้อได้เท่าไหร่ แตกต่างจากกองทุน SSF และ RMF อย่างไร?
กองทุน TESG คืออะไร?
THAILAND ESG Fund : TESG คือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ที่ผู้ลงทุนสามารถนำจำนวนเงินลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรม คล้ายกับ กองทุน LTF ที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ โดยจะได้สิทธิลดหย่อนภาษี 100,000 บาท/ราย
กองทุน TESG เข้าไปลงทุนในอะไรบ้าง?
กองทุน TESG จะลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ไทยที่มี ESG ระยะเวลาถือครอง 8 ปีเต็ม
โดยกองทุน TESG จะเลือกลงทุนบริษัทที่ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล และเข้ามาตรฐาน ESG (Environment , Social and Governance)
ในปัจจุบันมีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 210 บริษัทที่เข้าข่ายกรอบลงทุนของกองทุน TESG จากทั้งหมดที่มีกว่า 800 บริษัท โดยในจำนวนดังกล่าวมีมูลค่าตลาด (Market Cap) คิดเป็น 81% ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มพลังงาน บริษัทจัดการของเสีย อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรม และทรัพยากร เป็นต้น
กองทุน TESG ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่
กองทุน TESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และลงทุนสูงสุดได้ไม่เกิน 100,000 บาท โดยไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของ TESG จะไม่ถูกนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF), กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่ปัจจุบันกำหนดเพดานลดหย่อนภาษีรวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท
หมายความว่า วงเงินลดหย่อนภาษีของ TESG จะเป็นการลดภาษีเพิ่มได้อีก 100,000 บาท และเมื่อนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ก็จะลดหย่อนได้สูงสุดถึง 600,000 บาท
เงื่อนไขการลงทุนในกองทุน TESG
การซื้อหน่วยลงทุน TESG
- นำเงินได้มาซื้อหน่วยลงทุนใน TESG
- เป็นเงินได้ที่ได้มาตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ - 31 ธันวาคม 2575
- ต้องถือหน่วยลงทุนใน TESG ไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (แต่ไม่รวมกรณีทุพพลภาพหรือตาย)
การขายหน่วยลงทุน TESG
1. ผู้ลงทุนต้องขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ TESG
2. ผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนใน TESG มาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (แต่ไม่รวมกรณีทุพพลภาพหรือตาย)
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ คือ ผู้ลงทุนในกองทุน TESG จะต้องถือลงทุนเป็นเวลา 8 ปีเต็มนับจากวันที่ซื้อ (นับแบบวันชนวัน ไม่ใช่นับแบบปีปฏิทิน) ซื้อปีไหน ลดหย่อนปีนั้น และไม่บังคับว่าต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี เช่น ถ้าซื้อ TESG ในวันที่ 25 ธันวาคม 2023 วันที่ครบกำหนด 8 ปี คือวันที่ 25 ธันวาคม 2031 แปลว่าเราจะขายกองทุนโดยไม่ผิดเงื่อนไขได้ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 26 ธันวาคม 2031
ความแตกต่างระหว่างกองทุน TESG กับ SSF - RMF ต่างกันอย่างไร?
กองทุน TESG กับกองทุน SSF และกองทุน RMF มีความแตกต่างกัน ดังนีั
-
เรื่องระยะเวลาการลงทุน
TESG : ต้องถือกองทุนให้ครบ 8 ปีนับจากวันที่ซื้อ
SSF : ต้องถือกองทุนให้ครบ 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ
RMF : ต้องถือกองทุนจนถึงอายุ 55 ปี และครบ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ
-
เรื่องสินทรัพย์ที่ลงทุน
TESG : หุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าหลักเกณฑ์ ESG
SSF และ RMF : ลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
-
สิทธิประโยชน์ทางภาษี
TESG : ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 100,000 บาท
SSF : ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
RMF : ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ
โฆษกสำนักนายกฯ คาดรัฐสูญเสียรายได้จากภาษีปีแรกราว 3,000 ล้านบาท
น.สพ.ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ภายใต้มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย กองทุน TESG ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาทสำหรับปีภาษีนั้น ได้รับการยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ มีผลตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติอนุมัติไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2575 และการขายคืนหน่วยลงทุนไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และคาดว่าภาครัฐจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีแรกประมาณ 3,000 ล้านบาท และในปีถัดๆ ไปปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท
แต่ข้อดีของการมีกองทุน TESG คือ การเพิ่มการลงทุนระยะยาวในกับตลาดทุนไทย เพื่อตลาดทุนไทยมีเสถียรภาพเพิ่มมากขึ้น และมีการลงทุนในกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
FETCO มอง TESG ควรเป็นกองทุนระยะยาว
นายกอบศักดิ์ ภู่ตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) มองว่า ขณะนี้เป็นจังหวะเข้าซื้อหุ้นไทยที่อยู่ในช่วงซบเซา และหุ้นที่เข้าข่ายลงทุนก็เป็นหุ้นที่นักลงทุนรู้จักเป็นอย่างดี และมีสภาพคล่องสูง
" ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลตั้งใจว่าจะให้ 10 ปี หมายความว่า เป็นโครงการที่ทำต่อเนื่องระยะยาว ไม่ต้องต่ออายุไปเรื่อยๆ เงื่อนไขถือไว้ไม่ต่ำกว่า 8 ปีเต็ม ซื้อ 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท และไม่รวมกองทุนอื่น อันนี้ คือ เงื่อนไข"นายกอบศักดิ์เผย
กองทุน TESG เหมาะกับใครบ้าง?
- บุคคลทั่วไปที่ต้องการลดหย่อนภาษี
- ผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี แต่ไม่ต้องการลงทุนยาวเหมือนกับการลงทุนใน RMF
- ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปี และไม่อยากซื้อ SSF เพราะต้องใช้เวลาถือถึง 10 ปี
- ผู้ที่ฐานภาษีสูง เช่น 20% ขึ้นไป หรือลดหย่อนภาษีจากการซื้อ SSF และ RMF จนเต็มสิทธิ์แล้ว
- ผู้ลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนให้เงินเติบโตในระยะยาว
- ผู้ลงทุนที่มองเห็นโอกาสเติบโตในหุ้นยั่งยืน และธุรกิจที่ดำเนินงานตามหลัก ESG ในประเทศไทย