การเงิน

TESG กองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ ต่างจาก SSF-RMF อย่างไร?

21 พ.ย. 66
TESG กองทุนลดหย่อนภาษีใหม่ ต่างจาก SSF-RMF อย่างไร?

ในวันนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการพิจารณาการจัดตั้งกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน Thailand ESG Fund (TESG) คาดว่า บลจ.ต่างๆ จะเริ่มขายกองทุน TESG ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2566  เพื่อให้ทันใช้สิทธิลดหย่อนภาษีปี 2566 นี้

วันนี้ SPOTLIGHT จะพามาทำความรู้จัก กองทุนลดหย่อนภาษีรูปแบบใหม่ “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” หรือ THAILAND ESG Fund : TESG มีเงื่อนไขอย่างไร สามารถลดหย่อนได้เมื่อไหร่ และสามารถซื้อได้เท่าไหร่ แตกต่างจากกองทุน SSF และ RMF อย่างไร? 

กองทุน TESG คืออะไร?

THAILAND ESG Fund : TESG  คือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ที่ผู้ลงทุนสามารถนำจำนวนเงินลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรม คล้ายกับ กองทุน LTF ที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ โดยจะได้สิทธิลดหย่อนภาษี 100,000 บาท/ราย 

กองทุน TESG เข้าไปลงทุนในอะไรบ้าง?

กองทุน TESG จะลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ไทยที่มี ESG ระยะเวลาถือครอง 8 ปีเต็ม 

โดยกองทุน TESG จะเลือกลงทุนบริษัทที่ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล และเข้ามาตรฐาน ESG (Environment , Social and Governance) 

ในปัจจุบันมีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 210 บริษัทที่เข้าข่ายกรอบลงทุนของกองทุน TESG จากทั้งหมดที่มีกว่า 800 บริษัท โดยในจำนวนดังกล่าวมีมูลค่าตลาด (Market Cap) คิดเป็น 81% ของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มพลังงาน บริษัทจัดการของเสีย อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรม และทรัพยากร เป็นต้น

คลิกดูรายชื่อหุ้น ESG 

กองทุน TESG ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ 

กองทุน TESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และลงทุนสูงสุดได้ไม่เกิน 100,000 บาท โดยไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ

อย่างไรก็ตาม การลงทุนของ TESG จะไม่ถูกนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF), กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ที่ปัจจุบันกำหนดเพดานลดหย่อนภาษีรวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท

หมายความว่า วงเงินลดหย่อนภาษีของ TESG  จะเป็นการลดภาษีเพิ่มได้อีก 100,000 บาท และเมื่อนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ก็จะลดหย่อนได้สูงสุดถึง 600,000 บาท

เงื่อนไขการลงทุนในกองทุน TESG 

การซื้อหน่วยลงทุน TESG

  1. นำเงินได้มาซื้อหน่วยลงทุนใน TESG
  2. เป็นเงินได้ที่ได้มาตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ - 31 ธันวาคม 2575
  3. ต้องถือหน่วยลงทุนใน TESG ไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (แต่ไม่รวมกรณีทุพพลภาพหรือตาย)

การขายหน่วยลงทุน TESG

    1. ผู้ลงทุนต้องขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่ TESG

    2. ผู้ลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนใน TESG มาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (แต่ไม่รวมกรณีทุพพลภาพหรือตาย)

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ  คือ ผู้ลงทุนในกองทุน TESG จะต้องถือลงทุนเป็นเวลา 8 ปีเต็มนับจากวันที่ซื้อ (นับแบบวันชนวัน ไม่ใช่นับแบบปีปฏิทิน) ซื้อปีไหน ลดหย่อนปีนั้น และไม่บังคับว่าต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี เช่น ถ้าซื้อ TESG ในวันที่ 25 ธันวาคม 2023 วันที่ครบกำหนด 8 ปี คือวันที่ 25 ธันวาคม 2031  แปลว่าเราจะขายกองทุนโดยไม่ผิดเงื่อนไขได้ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 26 ธันวาคม 2031 

ความแตกต่างระหว่างกองทุน TESG กับ SSF - RMF ต่างกันอย่างไร?

กองทุน TESG กับกองทุน SSF และกองทุน RMF มีความแตกต่างกัน ดังนีั

  • เรื่องระยะเวลาการลงทุน

TESG :  ต้องถือกองทุนให้ครบ 8 ปีนับจากวันที่ซื้อ

SSF :  ต้องถือกองทุนให้ครบ 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ

RMF :  ต้องถือกองทุนจนถึงอายุ 55 ปี และครบ 5 ปีนับจากวันที่ซื้อ

  • เรื่องสินทรัพย์ที่ลงทุน 

TESG :  หุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าหลักเกณฑ์ ESG

SSF และ RMF :  ลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

  • สิทธิประโยชน์ทางภาษี

TESG : ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 100,000 บาท 

SSF : ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

RMF : ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ

โฆษกสำนักนายกฯ คาดรัฐสูญเสียรายได้จากภาษีปีแรกราว 3,000 ล้านบาท

น.สพ.ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ภายใต้มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย กองทุน TESG ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้ เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาทสำหรับปีภาษีนั้น ได้รับการยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ มีผลตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติอนุมัติไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2575 และการขายคืนหน่วยลงทุนไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และคาดว่าภาครัฐจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีแรกประมาณ 3,000 ล้านบาท และในปีถัดๆ ไปปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท

แต่ข้อดีของการมีกองทุน TESG คือ การเพิ่มการลงทุนระยะยาวในกับตลาดทุนไทย เพื่อตลาดทุนไทยมีเสถียรภาพเพิ่มมากขึ้น และมีการลงทุนในกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

FETCO มอง TESG ควรเป็นกองทุนระยะยาว 

นายกอบศักดิ์ ภู่ตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) มองว่า ขณะนี้เป็นจังหวะเข้าซื้อหุ้นไทยที่อยู่ในช่วงซบเซา และหุ้นที่เข้าข่ายลงทุนก็เป็นหุ้นที่นักลงทุนรู้จักเป็นอย่างดี และมีสภาพคล่องสูง

" ส่วนตัวมองว่ารัฐบาลตั้งใจว่าจะให้ 10 ปี หมายความว่า เป็นโครงการที่ทำต่อเนื่องระยะยาว ไม่ต้องต่ออายุไปเรื่อยๆ เงื่อนไขถือไว้ไม่ต่ำกว่า 8 ปีเต็ม ซื้อ 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท และไม่รวมกองทุนอื่น อันนี้ คือ เงื่อนไข"นายกอบศักดิ์เผย

กองทุน TESG เหมาะกับใครบ้าง?

  • บุคคลทั่วไปที่ต้องการลดหย่อนภาษี
  • ผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี แต่ไม่ต้องการลงทุนยาวเหมือนกับการลงทุนใน RMF 
  • ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปี และไม่อยากซื้อ SSF เพราะต้องใช้เวลาถือถึง 10 ปี
  • ผู้ที่ฐานภาษีสูง เช่น 20% ขึ้นไป หรือลดหย่อนภาษีจากการซื้อ SSF และ RMF จนเต็มสิทธิ์แล้ว
  • ผู้ลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนให้เงินเติบโตในระยะยาว 
  • ผู้ลงทุนที่มองเห็นโอกาสเติบโตในหุ้นยั่งยืน และธุรกิจที่ดำเนินงานตามหลัก ESG ในประเทศไทย

ที่มา : SET  , Finomena

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT