การเงิน

'พิธา' จะได้เป็นนายกฯหรือไม่ จับสัญญาณหุ้นไทย ก่อนรู้ผลโหวตวันนี้

13 ก.ค. 66
'พิธา' จะได้เป็นนายกฯหรือไม่  จับสัญญาณหุ้นไทย ก่อนรู้ผลโหวตวันนี้

การเมืองประเทศในวันนี้ถูกจับตามองมากที่สุดอีกวัน การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ลุ้นระทึกว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ท่ามกลางอุปสรรคอันใหญ่หลวงในเส้นทางการเมืองของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 

กรณีคุณสมบัติ ส.ส. เพราะการถือหุ้น ไอทีวี ที่กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับเอกสารของกกต.ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งศาลจะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 สัปดาห์ มีหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งรับหรือไม่รับ ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ซึ่งตรงกับกำหนดการโหวตเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2  

อีกหนึ่งเรื่องใหญ่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ รับพิจารณาเช่นกัน คือ การกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่

2 ประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้น 1 วันก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้การเมืองทั้งในและนอกสภาในวัน พฤหัสบดี ที่ 13 ก.ค.2566 นี้ ร้อนแรงเป็นอย่างยิ่ง 

สัญญาณการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึมซับกับปัจจัยการเมืองมาซักระยะหนึ่งแล้ว แต่เหตุการณ์นับจากวันนีไปจะทำให้ปัจจัยการเมืองชัดเจนมากขึ้นว่าหนุนให้หุ้นไทยไปต่อ หรือ ถอยลง  SPOTLIGHT รวบรวมความเห็นจากผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ 3 แห่ง ถึงทิศทางดัชนี และ คำแนะนำสำหรับนักลงทุน 

พิธา

เริ่มจาก มงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า ตลาดหุุ้นไทย มีความกังวลการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยประเมินว่ามี 3  ทาง ที่จะเกิดขึ้นในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 ก.ค.2566 คือ  

  1. ที่ประชุมสภาฯ จะให้มีการโหวตเลือกนายกฯ และอาจมีการเสนอแคนดิเดตจาก“พรรคเพื่อไทย”ด้วยเพื่อให้สภาร่วมโหวตกัน
  2. ที่ประชุมสภาผู้แทนฯ อาจเห็นพ้อง ว่าจะยังไม่โหวตเลือกนายกฯ ในวันนี้ เพราะจะรอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินก่อนอาจใช้เวลา 7 วัน  หรือกลับมาโหวตกันใหม่ 19 ก.ค. 2566  ซึ่งคาดการณ์ว่า น่าจะรู้ผลการวินิจฉัยของศาลแล้ว
  3. ถ้ากรณีข้อ 2 ยังยืนยันประชุม โดยที่ 8 พรรคร่วมรัฐบาลที่มีคะแนนสูงสุดไม่เห็นด้วย เมื่อถึงวาระเลือกนายกฯ  ก็อาจจะเกิดการ walk out  หรืออะไรที่จะทำให้ ที่ประชุม ไม่ครบองค์ประชุม  เพราะจะประชุมสภาฯ ได้ จำนวน สส. หรือ สว. จะครบองค์ประชุม  ต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง  ของแต่ละสภาฯ ดังนั้น คำแนะนำการลงทุนในตลาดหุ้น คือ การรอความชัดเจน (Wait & See) ให้สถานการณ์ชัดเจนขึ้นกว่านี้ 

พิธา

ด้านคุณเผดิมภพ สงเคราะห์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มองว่า   ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง เชื่อว่าดัชนีหุ้นไทยจะปรับขึ้น คาดการณ์ว่ากรณีความกังวลคุณพิธา กับคำนิจฉัยต่างๆ ของศาลรัฐธรรมนูญจะคลี่คลายโดยเร็ว มองกรอบดัชนีเชื่อว่ายังไม่ไปไหนไกล 1,470 -1,510 จุด   แต่หากมีกรณีความรุนแรงเกิดขึ้น ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสลงไปที่  1,430 จุด 

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า ตัวหุ้นสำคัญกว่าดัชนีรวม กลุ่มที่มีความน่าสนใจคือ  พลังงาน ปิโตรเคมี โรงกลั่น กองเรือ น่าสนใจในสัปดาห์นี้เพราะภาคการผลิตของสหรัฐใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว  การผลิตของโลกกำลังเริ่มมา หุ้นกลุ่มดังกล่าวของไทยน่าจะได้อานิงสงส์ไปด้วย 

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นไทย คาดว่า SET วันนี้ ผันผวน นักลงทุนติดตามสถานการณ์ทั้งในและนอกสภาฯ สำหรับการโหวตเลือกนายกฯ วันนี้ เวลา 17.00 น. ซึ่งจะรู้ผลหลังตลาดหุ้นปิดตลาด โดยคาดกรอบผ้นผวน ที่ 1510-1520 จุด ส่วนกรอบล่างที่ 1479 จุด หากต่ำกว่าจะเป็นสัญญาณลบในภาพรวม และมีแนวรับถัดไปที่ 1465 จุด

ทั้งนี้ มอง SET ยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยทางการเมืองในไทย และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ “เน้นตั้งรับ” และ “Selective Buy” ที่มีปัจจัยบวก เฉพาะตัว ดังนี้

  1. หุ้นที่คาดกว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 ยังเติบโตได้ดี เช่น AOT BBL ADVANCE MINT OSP BDMS BEM
  2. หุ้นที่มีพื้นฐานดี และคาดว่าจะมีศักยภาพที่จะจ่ายเงินปันผลสูง เลือก TISCO LH AP
  3. นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ แนะนำ “เก็งกำไร” หาก SET ปรับลดลงมาที่ 1450 จุด สำหรับหุ้นที่คาดว่ามีโอกาสฟื้นตัวหลังราคาปรับลึกลง เลือก CRC GULF SCGP 

ขณะที่ช่วงสั้น แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุน ดังนี้

  1. หุ้นกลุ่มอาหาร หลังมองมีโอกาสที่ตลาดจะปรับลดคาดการณ์กำไรลงหลังงบไตรมาส 2/2566 ออกมา เช่น TU CPF GFPT BTG 
  2. หุ้นที่คาดว่า จะได้รับผลกระทบจากเอลนีโญ จากกำลังซื้อภาคเกษตรที่ลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ เช่น GLOBAL กลุ่มสินเชื่อ MTC SAEAD กลุ่มยานยนต์ SAT STANLY 
  3. หุ้นเทคโนโลยี DELTA HANA KCE  จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน และผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ฟื้นตัวช้า

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT