ไลฟ์สไตล์

จาก 'Great Resignation' สู่ 'Great Return' เพราะลาออกแล้วหางานไม่ได้

22 ส.ค. 65
จาก 'Great Resignation' สู่ 'Great Return' เพราะลาออกแล้วหางานไม่ได้

หลังจากที่มีกระแส 'การลาออกครั้งใหญ่' หรือ The Great Resignation มาตั้งแต่โควิดเริ่มระบาด จนบริษัทหลายแห่งต้องพยายามยื้อตัวพนักงานไว้ให้ยังมีคนทำงานให้ ตอนนี้ฝ่ายบุคคลอาจหายใจหายคอกันคล่องขึ้นแล้ว

 

เพราะผลสำรวจล่าสุดจากแพลตฟอร์มหางาน Joblist ชี้ว่า อาจจะมี 'การกลับมาครั้งใหญ่' หรือ  The Great Employee Return เพราะพนักงานเริ่ม 'เสียดายที่ลาออก’ เมื่อ 'ออกไปแล้วหางานใหม่ทำไม่ได้' 

 

istock-951439808

 

จากการสำรวจคนที่กำลังหางานกว่า 15,000 คน บนเว็บไซต์ Joblist พบว่า 26% ของผู้ตอบแบบสอบถามเสียดายที่ตัวเองลาออกจากงานและอยากกลับไปทำงานที่เก่าด้วยหลายเหตุผลด้วยกัน 

 

โดยหลักๆ ก็เพราะพบว่า งานใหม่หายากกว่าที่คิด, คิดถึงเพื่อนร่วมงานเก่า, งานใหม่ไม่ใช่งานที่อยากทำ, รู้สึกว่างานเก่าดีกว่าที่เคยคิด, และคิดว่าบริษัทใหม่มีวัฒนธรรมการทำงานและการจัดการที่ไม่ดี

 

Joblist ไม่ใช่ที่เดียวที่ได้รับคำตอบทำนองนี้ เพราะผลสำรวจความเห็นจากคนหางานกว่า 2,500 คน ของ The Muse เว็บไซต์หางานอีกแห่งก็บอกเช่นกันว่า คนหางานราว 72% พบว่างานใหม่ 'ไม่ใช่' อย่างที่คิด และกว่า 48% หรือเกือบครึ่งอยากกลับไปทำงานที่เก่า ในขณะที่โพลสำรวจของ USA Today ก็ชี้ว่าคนที่เพิ่งเปลี่ยนงานในอเมริกาเพียง 26% เท่านั้นที่ชอบและอยากทำงานต่อกับที่ใหม่

 

ถึงแม้ว่าตลาดสหรัฐยังคงต้องการแรงงานจำนวนมากเข้าไปเติมเต็ม แต่การกลับเข้าไปทำงานที่เก่าอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เมื่อบริษัทในบางอุตสาหกรรมเริ่ม ‘รัดเข็มขัด’ การจ้างงาน หรือเลิกจ้างพนักงานกันบ้างแล้ว เพราะกลัวว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังจะเข้าสู่ภาวะซบเซา จากแรงกดดันของภาวะเงินเฟ้อและ การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง

 

ดังที่จะเห็นได้จากกระแส 'The Great Layoffs' ในหลายอุตสาหกรรม เพราะหลายบริษัทเช่น Walmart พบว่าตัวเองจ้างคนงานเยอะเกินความจำเป็นในช่วงโควิดจนต้นทุนเพิ่มขึ้นและฉุดผลกำไรลดลง โดยเฉพาะบริษัท 'สตาร์ทอัพ' ที่พากันเลิกจ้างพนักงานขนานใหญ่กันในช่วงปีนี้ เพื่อเอาตัวรอดในช่วงเศรษฐกิจขาลง

 

โดยจากข้อมูลของ Layoffs.fyi พบว่า ในช่วงวันที่ 1 กรกฎาคมถึง 19 สิงหาคม มีสตาร์ทอัพเลย์ออฟพนักงานไปแล้วมากกว่า 23,000 คนทั่วโลก โดยส่วนมากเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ 'คริปโทเคอร์เรนซี' และ 'การเงิน' รวมไปถึงแพลตฟอร์ม E-Commerce ที่เคยขึ้นในช่วงโควิดอย่าง Shopify ก็ประกาศลดพนักงานไปกว่า 1,000 คน เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคมที่ผ่านมา

 

เพราะฉะนั้นในขณะที่บางอุตสาหกรรมใน Real Sector ที่กำลังฟื้นตัวจากช่วงโควิดเช่น ภาคบริการ และการท่องเที่ยว ยังต้องการคนใหม่และยินดีรับพนักงานที่เคยลาออกกลับไปทำงาน ในบางภาคส่วนที่กำลังลำบากอาจไม่เป็นแบบนั้น

 

นอกจากนี้ บางบริษัทอาจมองว่าการรับพนักงานเก่า หรือ boomerang employee กลับเข้าไปทำงานอีกครั้ง อาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป

 

เพราะถึงแม้จะได้พนักงานที่รู้งานแล้วโดยไม่ต้องลำบากสอนงานอีก แต่หากพนักงานเหล่านั้นกลับมา ‘เพียงเพราะว่ายังหางานใหม่ไม่ได้’ ไม่ใช่เพราะชอบในตัวเนื้องานจริงๆ บริษัทก็อาจจะเสียพนักงานเหล่านั้นไปอีกครั้งหากพวกเขาเจองานที่ถูกใจกว่า

 

นอกจากนี้ ถ้าสาเหตุการลาออกไม่ใช่แค่เรื่องเงินหรือความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่เป็นปัญหากับ ‘เพื่อนร่วมงาน’ หรือ ‘วัฒนธรรมการทำงานในบริษัท’ พนักงานที่รีเทิร์นกลับมาพวกนี้ก็อาจจะไม่อยู่ยืดเช่นเดียวกัน

 

เพราะฉะนั้นก่อนจะรับพนักงานเก่าเข้ามา สิ่งที่บริษัทควรทำคือ 'คุย' กับพนักงานให้ดีก่อนว่าอยากกลับมาเพราะอะไร และคาดหวังอะไรกับการกลับมาทำงานกับบริษัทเก่าในครั้งนี้

 

ถ้าแจ็คพ็อตได้พนักงานที่เปลี่ยนใจกลับมาเพราะเพิ่งรู้ใจตัวเองว่า ชอบการทำงานในบริษัทเก่าจริงๆ บริษัทก็อาจจะได้พนักงานชั้นดีที่ทั้งมี 'ประสบการณ์' และ 'ความภักดี' มาทำงานด้วย เพราะนอกจากตัวพนักงานจะมีประสบการณ์และมุมมองมากขึ้นจากบริษัทอื่นมาแล้ว คนส่วนมากที่ออกไปด้วยความรู้สึกที่ดี เมื่อกลับมาแล้วก็มักจะมี productivity ที่ดีขึ้นด้วย เพราะชอบความรู้สึกคุ้นเคยสบายใจในที่ทำงานเก่า

 

 

ที่มา: CNBC, Layoffs.fyi, Inc.

 

advertisement

SPOTLIGHT