งานสัปดาห์หนังสือ ครั้งที่ 52 ยอดขายทะลุ 400 ล้านบาท นักอ่านเข้าร่วมงาน 1.3 ล้านคน
นายสุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ได้เปิดเผยว่างาน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 52 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 22” ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม-8 เมษายน 2567 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้รับความสำเร็จอย่างท่วมท้น
กว่า 12 วันแห่งการจัดงาน ได้รับการสนับสนุนจากสำนักพิมพ์กว่า 322 แห่ง เป็นจำนวนบูธรวมกว่า 914 บูธ ทำให้มีหนังสือมากกว่า 1 ล้านเล่ม ซึ่งเป็นหนังสือใหม่มากกว่า 3,000 ปก และสามารถถึงดูดผู้เข้าร่วมงานกว่า 1.3 ล้านคน ทั้งคนไทยและต่างชาติหลั่งไหลเข้างานทุกวัน ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นจากปี66 กว่า 10%
ส่วนด้านสำนักพิมพ์กว่า 322 แห่งก็ต่างงัดกลยุทธ์กระตุ้นกำลังซื้อด้วยโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม และของสุดเอ็กซ์คูลซีฟเฉพาะซื้อในงานเท่านั้น ส่งผลให้มีเม็ดเงินสะพัดมากกว่า 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงานปี66 สวนทางกับเศรษฐกิจที่ชะลอลง สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า พฤติกรรมการอ่านของคนไทยได้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น
คนไทยอ่านหนังสือ 2 ชั่วโมง/วัน
สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) และคณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการสำรวจพฤติกรรมการอ่านและการซื้อหนังสือของคนไทย ในปี 2567 จากกลุ่มตัวอย่างทุกเพศวัยจำนวน 2,550 คนทั่วประเทศ อายุตั้งแต่ 12-50 ปี ระหว่างเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2567 พบว่า
-
คนไทยมีพฤติกรรมการอ่านรวมทุกกลุ่มอายุเฉลี่ย 113 นาทีต่อวัน หรือเกือบ 2 ชั่วโมงต่อวัน โดยสัดส่วน 45% เป็นการอ่านทุกวัน
-
คนไทยกลุ่มอายุ 12-19 ปี อ่านตำราเรียนและคู่มือเตรียมสอบในสัดส่วนที่สูงถึง 72%
-
คนไทยกลุ่มอายุ20-49 ปี ชอบอ่านหนังสือพัฒนาตัวเอง
-
คนไทยกลุ่ม 50 ปีขึ้นไป 58% อ่านหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพ
E-Book ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก
-
ทุกกลุ่มอายุเลือกอ่านหนังสือรูปเล่มในสัดส่วนที่สูงถึง 50% และ E-Book 47%
-
โดยกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป เลือกอ่านหนังสือผ่าน E-Book สูงถึง 58% เนื่องจากสามารถขยายตัวหนังสือได้ และมีความสบายตาในขณะอ่านมากกว่า
นอกจากนี้ นายธีรนัย โสตถิปิณฑะ เลขาธิการสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ได้เปิดเผยว่า “เดิมเราเคยคิดว่ากลุ่มเด็กจะนิยมอ่านอีบุ๊กมากกว่าหนังสือรูปเล่ม แต่จากผลสำรวจกลับพบว่ากลุ่มที่อ่านอีบุ๊กมากกว่ากลับเป็นผู้ใหญ่ เพราะสายตายาว ซึ่งอีบุ๊กสามารถขยายตัวหนังสือทำให้อ่านง่ายขึ้น ในขณะที่วัยรุ่นต้องการลดพฤติกรรมการติดจอ จึงหันมาอ่านหนังสือเป็นรูปเล่มมากขึ้น จากผลงานวิจัยการอ่านจากประชาชนทั่วประเทศ ทำให้พบข้อมูลใหม่ว่าคนไทยไม่ได้อ่านหนังสือแค่ 8 บรรทัดอีกต่อไป”
และจากความสำเร็จงานสัปดาห์หนังสือ ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในแง่ของผู้ร่วมงานและยอดขาย สามารถผลักดันให้มูลค่าตลาดหนังสือไทยในปีนี้แตะระดับ 17,000 ล้านบาท และพิสูจน์ได้ว่าคนไทยอ่านหนังสือมากกว่า 8 บรรทัดต่อปี
งานสัปดาห์หนังสือ สร้างการเจรจาธุรกิจ 500 คู่ ประเมินค่าลิขสิทธิ์กว่า 49 ล้านบาท
น.ส.ดวงพร สุทธิสมบูรณ์ อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ กล่าวว่า สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ประสบความสำเร็จในระดับสูงต่อการจัดงาน “Bangkok Rights Fair 2024” จับคู่เจรจาซื้อขายแลกเปลี่ยนลิขสิทธิ์หนังสือและคอนเทนต์นานาชาติ ระหว่างสำนักพิมพ์ไทยและตัวแทนจำหน่ายจากต่างประเทศ ในรูปแบบ Business to Business เพื่อนำไปแปลและจัดพิมพ์เป็นหนังสือภาษาต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงผลิตในรูปแบบของซีรีส์ ภาพยนตร์ ฯลฯ
ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยภายในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติฯ ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB โดยมีสำนักพิมพ์ และเอเจนซี่ลิขสิทธิ์ต่างประเทศเข้าร่วมงาน 13 ประเทศ รวม 33 ราย และสำนักพิมพ์ไทย 50 ราย
ส่งผลให้เกิดการเจรจาทางการค้าทั้งสิ้น 500 คู่ โดยประเมินยอดซื้อขายลิขสิทธิ์ในเบื้องต้นประมาณ 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 49 ล้านบาท แต่มูลค่าการซื้อขายที่เกิดขึ้นจริงจะสูงกว่านี้
นักเขียนไทย ได้รับความนิยมในหมู่นักอ่านชาวไต้หวัน
นอกจากนี้ สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ ได้เปิดเผยว่า หนังสือเด็กได้รับความสนใจในการซื้อขายลิขสิทธิ์สูงสุด ในขณะที่สำนักพิมพ์ และเอเจนซี่ลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะไต้หวันที่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อหนังสือนิยายวาย ผลงานจากนักเขียนไทย ทุกประเภทเนื้อหา ทั้งรักโรแมนติก สืบสวนสอบสวนและแฟนตาซี ในฝั่งตลาดไทยให้ความสนใจต่อการเจรจาลิขสิทธิ์หนังสือเด็ก หนังสือนิยายจาก เกาหลี จีนและญี่ปุ่น รวมทั้งหนังสือการ์ตูนจากญี่ปุ่นและเกาหลี และพบว่าผู้เข้าร่วมงานทุกประเทศมีความพึงพอใจในระดับสูง ซึ่งส่วนใหญ่ 79% ยืนยันจะกลับมาร่วมงานอีกในครั้งหน้า