อินไซต์เศรษฐกิจ

เปิดรายได้บริษัทน้ำมัน "เอ็กซอน-เชฟรอน" กำไร "วินาทีละ 8 หมื่นบาท"

1 ส.ค. 65
เปิดรายได้บริษัทน้ำมัน "เอ็กซอน-เชฟรอน" กำไร "วินาทีละ 8 หมื่นบาท"

ในยุคที่ราคาน้ำมันแพงเพราะสงคราม และทำให้เงินเฟ้อพุ่ง-ข้าวของแพงไปทั่วโลกแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ "บริษัทน้ำมัน" จะถูกจับจ้องเป็นพิเศษไปด้วย หลังจากก่อนหน้านี้เพิ่งถูกประธานาธิบดีสหรัฐ โจ ไบเดน กล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของเงินเฟ้อพุ่งสูงในสหรัฐมาแล้ว

 

ล่าสุด 2 บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่จากสหรัฐ คือ "เอ็กซอนโมบิล" (ExxonMobil) และ "เชฟรอน" (Chevron) ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาแล้ว และก็เป็นไปตามคาดหมาย เมื่อสามารถทำกำไรได้ "สูงสุดเป็นประวัติการณ์"

 

"เอ็กซอน" ทุบกำไรสูงสุดวงการน้ำมันโลก

"เอ็กซอนโมบิล" ในฐานะบริษัทน้ำมันระดับเพชรยอดมงกุฎเบอร์ 1 ในสหรัฐ ทำกำไรได้สูงสุดทุบสถิติใหม่ที่ 1.76 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 6.4 แสนล้านบาท) ซึ่งรอยเตอ์สระบุว่า นี่คือตัวเลขกำไรรายไตรมาสที่ "สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทน้ำมันทั่วโลก" โดยอานิสงส์จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้กำไรของเอ็กซอนในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบไตรมาสแรก และหากเทียบไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ('64) จะเติบโตถึง 273% เลยทีเดียว

หากคิดในแง่รายรับสุทธิ (Net income) เอ็กซอนทำรายรับที่ 1.79 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 6.5 แสนล้านบาท) ซึ่ง CNN ได้คำนวณออกมาให้ว่า เอ็กซอนแทบจะเป็นเหมือนเครื่องจักรผลิตเงิน ที่ปั๊มเงินออกมาได้ถึง "วินาทีละ 2,245.62 ดอลลาร์" (วินาทีละ 8.15 หมื่นบาท)



"เชฟรอน" กำไรพุ่งทะยาน 247%

ส่วน "เชฟรอน" ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันใหญ่สุดเบอร์ 2 ในสหรัฐ ก็ทำกำไรตามมาติดๆ ที่ 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 4.14 แสนล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 74% เมื่อเทียบไตรมาสแรกปีนี้ และโตถึง 247% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

ส่วนในด้านรายรับสุทธิ เชฟรอนทำได้ 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 4.21 แสนล้านบาท) และคิดเป็นรายวินาทีเหมือนกันแล้ว เชฟรอนปั๊มเงินได้ "1,462.11 ดอลลาร์/วินาที" (วินาทีละ 53,000 บาท)



เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพกำไรมหาศาลได้ชัดยิ่งขึ้น CNN เลยเทียบว่า โดยปกติแล้ว หากเติมน้ำมันรถยนต์ประมาณ 20 แกลลอน (ในสหรัฐ) จะใช้เวลาเติมประมาณ 2 นาที ซึ่งในเวลา 2 นาทีที่ว่านี้ ทั้งสองบริษัทสามารถทำรายได้ถึงกว่า 4 แสนดอลลาร์ (ราว 14.5 ล้านบาท) ไปแล้ว

อานิสงส์จากผลประกอบการที่ทุบสถิตินี้ ยังส่งผลให้ราคาหุ้นของทั้งสองบริษัทปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยหุ้นของเอ็กซอนพุ่งขึ้น 4% และเชฟรอนพุ่งขึ้น 8% ระหว่างการซื้อขาย เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา แต่ตลอดทั้งปีนี้ หุ้นเอ็กซอนดีดตัวขึ้นไปแล้วมากกว่า 50% และเชฟรอนกว่า 30% ซึ่งทั้งคู่ถือเป็นกลุ่มหุ้นท็อปฟอร์มที่มีผลประกอบการดีที่สุดของกระดานดาวน์โจน์ไปเรียบร้อยแล้ว

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT