อินไซต์เศรษฐกิจ

จับตา "วิกฤตอสังหาฯ จีน" เกิดอะไรขึ้นเมื่อคนจีนหยุดจ่ายค่าผ่อนบ้าน

25 ก.ค. 65
จับตา "วิกฤตอสังหาฯ จีน" เกิดอะไรขึ้นเมื่อคนจีนหยุดจ่ายค่าผ่อนบ้าน

ข่าวการแห่บอยคอต "ไม่ยอมจ่ายค่าผ่อนบ้าน" ของชาวจีนจำนวนมากในกว่า 100 โครงการ มากกว่า 50 เมืองทั่วประเทศ ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สุดในจีนช่วงนี้ เพราะสะท้อนถึง 2 สิ่งที่น่าเป็นห่วง

หนึ่งคือ ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เสี่ยงต่อการเป็น "โดมิโน" ลุกลามไปยังวงกว้าง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะคนจีนนั้นนิยมนำเงินไปลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ ทำให้อุตสาหกรรมนี้ใหญ่ถึงเกือบ 30% ของ GDP ประเทศ หรือมีมูลค่าเกือบ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว หากมีปัญหาจึงสะเทือนไปถึงชาวจีนรายย่อยด้วย อย่าลืมว่าปัญหาฟองสบู่อสังหาฯ เคยมีตัวอย่างสร้างวิกฤตซับไพรม์ให้สหรัฐอย่างเจ็บปวดมาแล้ว

สองคือ ปัญหาเรื่อง "ระเบียบทางสังคม" ที่กำลังเริ่มสะท้อนรอยร้าว แต่เดิมนั้น จีนขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องการจัดระเบียบทางสังคมโดยภาครัฐ กับการใช้ระบบเครดิตทางสังคม (Social Credit System) โดยเอาเทคโนโลยีและเอไอเข้ามาช่วยสอดส่องควบคุมพฤติกรรมของประชาชน หากทำผิดก็จะมีการตัดคะแนนไปจนถึงลงโทษตามความหนักเบาต่างกันไป

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ เมื่อชาวจีนจำนวนหนึ่งรู้สึกว่ารัฐไม่สามารถคุ้มครองพวกเขาได้ หรือพวกเขาตกเป็นเหยื่อในปัญหาโดยไม่มีการแก้ไขหรือจับกุมผู้กระทำผิด พวกเขาจึงเลือกที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เอง ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ปัญหาเรื่อง 4 แบงก์เล็กในมณฑลเหอหนาน ที่ไม่ยอมให้ประชาชนถอนเงินออก โดยอ้างเหตุผลต่างๆ ตั้งแต่กฎระเบียบไปจนถึงเรื่องโควิด ทำให้ชาวบ้านต้องออกมาประท้วงเรียกร้อง(อย่างต่อเนื่อง) จนกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก

จากการลุกขึ้นในครั้งนั้นได้ขยายวงมาถึงผู้ซื้อบ้านจำนวนมากที่เชื่อว่า พวกเขาเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อจากปัญหาบ้านสร้างไม่เสร็จ ซึ่งมีให้เห็นแล้วในหลายที่ของจีน พวกเขาจึงเลือกที่จะรวมตัวกันประท้วงด้วยการ "งดจ่ายค่าผ่อนบ้าน" จนกว่าโครงการจะสร้างเสร็จแล้วเท่านั้น

ตอนนี้ สองสิ่งที่น่าห่วงนี้กำลังมารวมกันและกลายเป็นสถานการณ์ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง

เกิดอะไรขึ้นกับผู้ซื้อบ้านเหล่านี้?

ปัจจุบัน มีผู้ซื้อบ้านในจีนปฏิเสธที่จะจ่ายค่าผ่อนบ้านมากกว่า 301 โครงการ ใน 91 เมืองทั่วประเทศแล้ว จากบริษัทอสังหาฯ อย่างน้อย 18 ราย ที่มีปัญหาการส่งมอบช้ากว่าสัญญาตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี ส่วนใหญ่เป็นเมืองทางตะวันออก เช่น เหอหนาน หูเป่ย์ การบอยคอตที่ขยายวงกว้างไปเกือบร้อยเมืองทั่วประเทศแห่งเช่นนี้ ทำให้ยิ่งซ้ำเติมปัญหาการขาดสภาพคล่องของบริษัทอสังหาฯ ต่างๆ ให้ยิ่งแย่ลงอีกเมื่อไม่ได้รับเงินค่าผ่อนจากผู้ซื้อ ก็ยังกระทบไปถึงบรรดาผู้รับเหมา ซัพพลายเออร์ ไปจนถึงการชำระหนี้เงินกู้คืนแบงก์ด้วย

ที่จริงแล้ว ปัญหานี้ต้องย้อนกลับไปยังวิกฤตที่เกิดขึ้นกับบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่อย่าง "เอเวอร์แกรนด์" (Evergrande) ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว จากการผิดนัดชำระหนี้ที่สูงถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ และยังกระทบเป็นโดมิโนไปยังบริษัทอสังหาฯ รายอื่นๆ จนจุดประเด็นวิกฤตความเชื่อมั่นในภาคอสังหาฯ ของจีนขึ้นมา โดยซีแอลเอสเอ ประเมินว่าในช่วง 1 ปีมานี้ มีบริษัทอสังหาฯ ถึง 28 แห่ง ที่ผิดนัดชำระหนี้ และต้องขอยืดชำระหนี้ออกไป และครึ่งปีแรกที่ผ่านมายอดขายอสังหาฯ จีนหดตัวถึง 72%



รัฐบาลแก้ปัญหาอย่างไร?

คณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยจีน (CBIRC) เรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ขยายวงเงินกู้ให้กับโครงการอสังหาฯ เพื่อให้มีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอที่จะดำเนินการก่อสร้างและส่งมอบต่อไป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อ

ภาคธนาคารของจีนประเมินว่า ความเสี่ยงจากการหยุดผ่อนค่าบ้านในครั้งนี้ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยความเสียหายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,100 ล้านหยวน แต่บริษัทหลักทรัพย์จีเอฟประเมินว่า ความเสียหายครั้งนี้อาจพุ่งสูงถึง 2 ล้านล้านหยวน

ด้านดีบีเอส กรุ๊ป ประเมินว่าระบบธนาคารของจีนยังสามารถแบกรับความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 7.5 ล้านล้านหยวน ซึ่งมากกว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เกี่ยวข้องกับการหยุดผ่อนบ้านในขณะนี้เกือบ 1.1 ล้านล้านหยวน ดังนั้นผลกระทบจึงยังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ แม้ว่าจะหนักถึงกระทบความเชื่อมั่นไม่น้อยก็ตาม

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT