อินไซต์เศรษฐกิจ

"การทูตทุเรียน" กลยุทธ์ที่ "จีน" ซื้อใจ "อาเซียน"

24 ก.ค. 65
"การทูตทุเรียน" กลยุทธ์ที่ "จีน" ซื้อใจ "อาเซียน"

"ทุเรียน" ไม่ใช่ผลไม้ที่ปลูกแค่ในไทย ใครๆ รอบบ้านเราในอาเซียนต่างก็ปลูกทุเรียนกันหมด จะแตกต่างกันก็แค่สายพันธุ์ในแต่ละประเทศเท่านั้น 

 
แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ มีแค่ "ไทย" กับ "มาเลเซีย" 2 ประเทศเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกทุเรียนไปยังประเทศ "จีน" ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้

จนกระทั่งเมื่อกลางเดือน ก.ค. 65 นี้เอง "เวียดนาม" ได้กลายเป็นอีกประเทศล่าสุดที่เพิ่งได้รับอนุญาตให้ส่งออกทุเรียนไปจีนได้ โดยที่มีรายงานด้วยว่า "ลาว" และ "กัมพูชา" ก็กำลังอยู่ระหว่างขออนุญาตเพื่อบุกตลาดจีนเช่นกัน 

สำนักข่าว SCMP เรียกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ว่าเป็น "การทูตทุเรียน" ที่จีนงัดมาใช้เพื่อเอาใจเพื่อนบ้านอาเซียน และหวังใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางมาช่วยคานอิทธิพลของ "สหรัฐอเมริกา" ด้วย   

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์จับประเด็นที่ หวังอี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนเพิ่งเดินทางเยือนหลายประเทศในอาเซียน รวมถึงไทย ไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยหนึ่งในเรื่องที่มีการคุยกับหลายประเทศก็คือ การไฟเขียวนำเข้า หรือขยายการนำเข้าสินค้าเกษตรให้เพิ่มขึ้นอีก

ต้องไม่ลืมว่าจีนนั้นเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ประชากรเกือบ 1,400 ล้านคน เฉพาะในปี 2020 ที่ผ่านมา (ก่อนโควิด) จีนนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.9% คิดเป็นมูลค่าเกือบ 1.72 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 6.3 ล้านล้านบาท) พลังเศรษฐกิจของจีนจึงมากมายมหาศาล และมีอำนาจเชิงการทูตไปโดยปริยาย

ในการเยือน "มาเลเซีย" นั้น หวังอี้ได้พูดถึงทุเรียนว่า ได้มีโอกาสกินชีสเค้กทุเรียน เหมาซานหวัง ชื่อดังในมาเลย์ที่มีการนำมาเลี้ยงต้อนรับ ขณะที่จีนเองก็พร้อมที่จะนำเข้าน้ำมันปาล์ม ผลไม้เมืองร้อน และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ จากมาเลเซียเพิ่มเติม 

หลังจากนั้น หวังอี้ ก็ได้พบกับรองนายกรัฐมนตรีของเวียดนาม ที่เดินทางเยือนเมืองหนานหนิง ทางตอนใต้ของจีน และมีการประกาศ "ไฟเขียวให้เวียดนามส่งออกทุเรียนไปยังจีน" ได้แล้วตั้งแต่เดือน ก.ค. 65 นี้ หลังจากที่มีการเจรจากันมานานถึง 4 ปี 

ก่อนหน้านี้ สื่อท้องถิ่นอย่าง VNA ได้รายงานว่า บรรดาชาวสวนทุเรียนในเวียดนามต่างก็เตรียมพร้อมรับการบุกตลาดจีนอย่างคึกคัก โดยมีสวนทุเรียน 123 แห่ง และโรงงานบรรจุภัณฑ์ 57 แห่ง ที่เข้าร่วมการอบรมเป็นพิเศษเรื่องมาตรฐานอาหารของจีน จากกระทรวงเกษตรเวียดนาม ในสัปดาห์นี้ รายงานยังระบุถึงขั้นที่ว่า เวียดนามจะกลายเป็นประเทศที่ 2 รองจากไทย ที่ส่งออกทุเรียนสดไปยังจีนให้ได้ (มาเลเซีย เน้นส่งออกทุเรียนแช่แข็ง)

ri6-flesh-class-a-e1600511556

ทั้งนี้ ทุเรียนเวียดนามมีโอกาสสูงที่จะแย่งตลาดทุเรียนไทย ด้วยราคาที่ถูกกว่า ทั้งในแง่ต้นทุน ค่าแรง ค่าปุ๋ย และยาที่ถูกกว่า และมีการขนส่งระยะทางสั้นกว่า ในเวลาไม่ถึง 2 วัน ขณะที่ไทยจะใช้ระยะเวลาขนส่งประมาณ 3-4 วัน

สำหรับทุเรียนเวียดนามที่มีชื่อเสียง คือพันธุ์ รีเชา (RI 6) ที่ลักษณะเนื้อเหลืองคล้ายพันธุ์พวงมณี ทรงพูคล้ายก้านยาว 

นักวิเคราะห์มองว่า การเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้เวียดนามเพิ่มในครั้งนี้ จะยิ่งสร้าง "ความเกรงใจ" ในการดำเนินนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับจีน หลังจากที่ในช่วงระยะหลัง สหรัฐเข้ามารุกกระชับสัมพันธ์กับเวียดนามมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการลงทุน และเวียดนามยังร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโดแปซิฟิก (IPEF) ที่มีสหรัฐเป็นโต้โผหลักเพื่อคานอำนาจจีนในภูมิภาคนี้ด้วย

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT