การเงิน

กสิกรไทย Spin-Off “KIV” ลุยลดต้นทุนธุรกิจ รุกลูกค้ารายย่อย

3 ส.ค. 66
กสิกรไทย Spin-Off “KIV” ลุยลดต้นทุนธุรกิจ รุกลูกค้ารายย่อย

ธนาคารกสิกรไทยปรับยุทธศาสตร์ใหม่ สร้างการเติบโตธุรกิจในระยะยาว ประกาศแยก “บริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด” หรือ เคไอวี (KASIKORN INVESTURE: KIV) เพื่อความคล่องตัวในการรุกบริการกับลูกค้ารายย่อย 

พร้อมประกาศผู้นำทัพอย่าง พัชร   สมะลาภา เข้าดำรงตำแหน่ง Group Chairman ของ เคไอวี พร้อมใช้ศักยภาพของพันธมิตรร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ของธนาคาร เพื่อให้สามารถลดต้นทุนธุรกิจ และลดต้นทุนความเสี่ยงด้านเครดิต 

โดยจะมีบริษัทที่อยู่ในโครงสร้างของเคไอวี ประกอบด้วย 14 บริษัท มีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท

KIV เป็นโฮลดิ้ง ภายใต้กลุ่มธุรกิจการเงินของกสิกรไทย

กสิกรไทย

บริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด หรือ เคไอวี เป็นบริษัทโฮลดิ้งภายใต้กลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย เพื่อลงทุนในบริษัทร่วมกับพันธมิตร สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของธนาคารที่มุ่งเพิ่มอำนาจให้ทุกชีวิตและธุรกิจของลูกค้า (Empower Every Customer’s Life and Business) 

โดยเคไอวีจะมีบทบาทสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธนาคารและพันธมิตร เพื่อสร้างรายได้บนความเสี่ยงที่คุ้มค่า ด้วยต้นทุนที่เหมาะสม

ธนาคารได้ปรับรูปแบบการบริหารจัดการของเคไอวี โดยมีคุณพัชร สมะลาภา เข้าดำรงตำแหน่ง Group Chairman ของ เคไอวี และแยกเคไอวีออกมา เพื่อทำให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ ขยายความร่วมมือกับพันธมิตร ภายใต้การใช้ศักยภาพที่มีอยู่ของธนาคารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ ธนาคารมั่นใจว่า การปรับครั้งนี้จะเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในการให้บริการการเงินกับกลุ่มลูกค้ารายย่อย และสร้างรายได้ใหม่ให้กับธนาคาร ทำให้ธนาคารมีกำไรทางธุรกิจที่สูงกว่าธนาคารบริหารจัดการเอง รวมทั้งทำให้ธนาคารมีการเติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาเรียนรู้ระบบหลายๆ เพื่อให้ทุกคนชนะไปด้วยกัน ทั้งแบงก์ ลูกค้า และพันธมิตร” นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย กล่าว

KIV เน้นลดต้นทุน ลดความเสี่ยง เพิ่มขีดความสามารถ

กสิกร อินเวสเจอร์

“ KIV ได้เริ่มทดลองทำธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2565 ด้วยมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 21,500 ล้านบาท มียอดปล่อยสินื่อ จำนวน 37,000 ล้านบาท มีกำไร 81 ล้านบาท ส่วนปีนี้ ตั้งเป้ามูลค่าเงินลงทุนเพิ่มเป็น 25,000-30,000 ล้านบาท ยอดปล่อยสินเชื่อ 40,000-45,000 ล้านบาท และคาดกำไรจะเพิ่มเป็น 900-1,100 ล้านบาท” นายพัชร สมะลาภา Group Chairman ของ บริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด กล่าว

สำหรับเป้าหมายของ KIV คือ เพิ่มความสามารถในการให้บริการการเงินกับกลุ่มลูกค้ารายย่อย ซึ่งมีโจทย์สำคัญคือ ต้องลดต้นทุนการดำเนินงาน (Operating Cost) และลดต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (Credit Cost) เพื่อให้ยังคงความสามารถในการสร้างกำไรของธุรกิจ การดำเนินงานของเคไอวีอาศัยความเชี่ยวชาญของพันธมิตรในแต่ละด้าน 

รวมกับการใช้โครงสร้างและทรัพยากรของธนาคารกสิกรไทยที่มีอยู่แล้ว เช่น จำนวนลูกค้ากว่า 20 ล้านราย K PLUS เงินทุน ข้อมูล  ไอที และสาขา เป็นต้น ซึ่งทำให้เคไอวีมีความเข้าใจลูกค้าที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น สามารถให้บริการการเงินที่ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย เจ้าของร้านค้ารายเล็ก กลุ่มที่ไม่มีรายได้ประจำ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการเงินทุนเสริมสภาพคล่อง ให้สามารถใช้บริการการเงินในระบบได้มากขึ้น

ปัจจุบัน บริษัทที่อยู่ในโครงสร้างของเคไอวี ประกอบด้วย 14 บริษัท มีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 30,000 ล้านบาท  

นี่คงเป็นการปรับยุทธศาสตร์ใหม่อีกรูปแบบหนึ่งของสถาบันการเงินไทย ที่จะปลดล็อค เสริมความแข็งแกร่ง และนำดาต้าที่มีอยู่ในส่วนของลูกค้ารายย่อยมาเร่งผลักดันสร้างรายได้และกำไรให้เพิ่มมากขึ้น และสามารถแข่งขันกับนอนแบงก์ที่สามารถเข้าถึงลูกค้ารายย่อยได้ดีกว่า เพราะมีข้อจำกัดในทางกฎหมายน้อยกว่า

เราคงต้องมาติดตามกันว่าโมเดลธุรกิจนี้ จะสามารถช่วยและสร้างความยั่งยืนให้กับแบงก์กสิกรไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเข้าถึงลูกค้ารายย่อยได้มากน่อยแค่ไหน 

 

advertisement

SPOTLIGHT