สำหรับใครที่ยังชักหน้าไม่ถึงหลัง ในวันนี้ครม. อนุมัติแล้วให้ธนาคารออมสินออก “โครงการสินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน” เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินในการดำรงชีวิตและเพิ่มเงินลงทุนในการประกอบอาชีพให้กับประชาชนแล้ว โดยกู้ได้ไม่เกินคนละ 20,000 บาท มีดอกเบี้ยคงที่ 0.35% และได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายเงินต้น 6 เดือน
ในวันที่ 1 พฤศจิกายน อนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าคณะรัฐมนตรีได้ลงมติอนุมัติให้ธนาคารออมสินจัดสรรวงเงินให้ความช่วยเหลือ จำนวนรวม 2,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยสินเชื่อให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย และผู้เข้าร่วมงานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ที่จะจัดขึ้นวันที่ 4-6 พฤศจิกายน ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี จำนวน 100,000 ราย
โดยผู้กู้จะสามารถขอกู้ในวงเงินไม่เกิน 20,000 บาทต่อราย และจะต้องมีคุณลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
- ผู้มีรายได้ประจำ เมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ ต้องอายุไม่เกิน 60 ปี
- ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้า หาบเร่แผงลอย เป็นต้น เมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ ต้องอายุไม่เกิน 70 ปี
- เป็นผู้ที่เข้าร่วมโครงการมหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร (แจ้งความประสงค์ขอใช้บริการสินเชื่อทางออนไลน์)
เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่มุ่งเพิ่มสภาพคล่องให้กับประชาชนที่ประสบปัญหาทางการเงิน ผู้กู้จะได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องจ่ายเงินต้นเป็นเวลา 6 เดือน โดยจะจ่ายแค่ดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน ซึ่งจะเป็นอัตราคงที่ และต้องชำระเงินกู้ให้ครบภายใน 2 ปี คือไม่เกิน 24 งวด
โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมโครงการเพื่อขอใช้บริการสินเชื่อผ่านช่องทางออนไลน์ www.bot.or.th/debtfair และคลิก “ลงทะเบียนแก้หนี้สัญจร” แล้วติดต่อสาขา เพื่อยื่นเอกสารขอกู้ ภายในวันที่ 31 มกราคม 2566
เอกสารทั้งหมดที่ต้องยื่นแก่สาขาของธนาคารออมสินที่ขอกู้ คือ
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ‘ผู้มีรายได้ประจำ’ ใช้หลักฐานแสดงรายได้เดือนล่าสุด เช่น สลิปเงินเดือน/หนังสือรับรองเงินเดือน เป็นต้น ส่วน ‘ผู้มีอาชีพอิสระ’ ใช้ภาพถ่ายการประกอบอาชีพที่มีผู้ขอกู้ปรากฎในภาพถ่าย
ผู้ขอกู้ที่ผ่านการอนุมัติหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ให้จัดทำนิติกรรมสัญญาผ่าน Mobile Application MyMo แล้วธนาคารจะโอนเงินสินเชื่อที่อนุมัติและหักบัญชีเพื่อชำระสินเชื่อผ่านบัญชีเงินฝากที่ใช้เป็นบัญชีหลักของบริการ MyMo
งานมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ จะจัดขึ้นทั้งสิ้น 5 ครั้ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและสัญจรจังหวัดต่าง ๆ 4 ภาคทั่วประเทศ ดังนี้
ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 4 - 6 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี
ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 18 - 20 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 16 - 18 ธันวาคม 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 20 - 22 มกราคม 2566 ณ จังหวัดชลบุรี และ
ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 27 - 29 มกราคม 2566 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ จังหวัดสงขลา