ในสถานการณ์ความเสี่ยงจาก สงครามรัสเซีย ยูเครน ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงอย่าง หุ้น ถูกเทขายอย่างหนักเมื่อวานที่ผ่านมา นักลงทุนต้องปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไร มีบทวิเคราะห์จาก บลจ.ยูโอบี มาฝากกัน
บลจ. ยูโอบี มีความเห็นต่อวิกฤติในยูเครน โดยคาดว่า
- จะทำให้นักลงทุนปรับเงินลงทุนมายังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมากขึ้น (Risk On Mode) และมีโอกาสที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจะสูงขึ้นทั้งจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น หากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) เข้ามามีส่วนร่วมโดยตรงในการเผชิญหน้าทางทหารและรัสเซียตอบโต้โดยการลดการส่งออกพลังงานหรือมีการคว่ำบาตร จะทำให้ราคาพลังงานพุ่งขึ้นจากระดับที่สูงอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม หาก NATO ไม่เข้ามามีส่วนร่วมโดยตรง การสู้รบกันน่าจะค่อนข้างจำกัดขอบเขต ซึ่งในอดีตความขัดแย้งทางด้านการเมืองระหว่างประเทศในระดับที่จำกัดขอบเขต มักจะทำให้ตลาดหุ้นปรับลดลงเพียงเล็กน้อยก่อนจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
จากสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน การลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงมีปัจจัยกดดัน ได้แก่ การปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อ นโยบายการเงินที่รัดกุมของ Fed (Tightening Policy) และปัญหาการเมืองระหว่างประเทศรัสเซีย-ยูเครน ปัจจัยดังกล่าวมักส่งผลให้ความคาดหวังของผลตอบแทนลดลง ความผันผวนในตลาดสูงขึ้น อย่างไรก็ตามจากการศึกษาเหตุการณ์ในอดีตพบว่า การเริ่ม Tightening Cycle ช่วงแรกมักจะทำให้ตลาดปรับฐาน และเป็นการปรับฐานใน Bull Market โดยตลาดหุ้นสามารถกลับขึ้นมาได้ ตามสภาพเศรษฐกิจที่ยังเติบโตอยู่ในอัตราที่ช้าลง
บลจ.ยูโอบี แนะนำกลยุทธ์การลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลก
- เพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสด เนื่องจากตลาดอยู่ในช่วงของการปรับฐาน การเพิ่มสัดส่วนเงินสดจะช่วยลดความผันผวนและเพิ่มโอกาสในการลงทุนในลำดับถัดไป
- กระจายการลงทุนในหลายๆสินทรัพย์ อาทิ ตราสารหนี้ ตราสารทุน REITs และทองคำ จากปัจจัยความเสี่ยงในหลายๆด้านที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนอย่างมาก ความแน่นอนของผลตอบแทนลดลง
- หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าสูง เช่น หุ้นเทคโนโลยี หุ้นเติบโต ซึ่งมักจะถูกกดดันเมื่อดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวสูงขึ้น
- กลุ่มหุ้นที่มีความน่าสนใจหลังจากตลาดปรับฐานเสร็จสิ้นหรือความผันผวนลดลง ได้แก่ กลุ่ม Cyclical (หุ้นวัฏจักร) , ประเทศหรืออุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิดจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัว การลงทุนในภูมิภาคเอเชียมีความน่าสนใจกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (สหรัฐและยุโรป)
- ราคาตราสารหนี้คาดว่าจะปรับสูงขึ้นจาก Yield ที่ลดลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามและอาจเป็นจังหวะให้ปรับพอร์ตการลงทุน
- สำหรับตราสารหนี้ ยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามภาวะสงคราม สถานการณ์เงินเฟ้อที่อาจผ่อนคลาย และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงจากดอกเบี้ยระยะสั้นที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อาจเป็นปัจจัยบวกต่อตราสารหนี้ในลำดับถัดไป
- บลจ.ยูโอบี ไม่มีการลงทุนตรงในหุ้นหรือตราสารหนี้รัสเซียและยูเครน
ส่วนตราสารหนี้ในประเทศ ไม่มีส่วนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง และไม่มีเงินลงทุนในผู้ออกที่เกี่ยวข้องกับคู่กรณีรัสเซีย และยูเครน รวมถึง ยุโรป แต่อาจได้ผลกระทบอ้อมบ้างจาก
1) Risk On/Risk Off : อาจทำให้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าระยะสั้นและมีแรงเทขายตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างประเทศ ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ดี คาดว่า นักลงทุนต่างประเทศจะกลับเข้ามาลงทุนในเงินบาทและพันธบัตรภายหลังจากการตื่นตะหนกแล้ว เนื่องจากประเทศไทยรวมถึงกลุ่มประเทศเอเชีย ไม่ได้เป็นคู่กรณีโดยตรง จึงน่าจะเป็นตลาดที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุน
2) เงินเฟ้อ : เงินเฟ้ออาจเร่งตัวสูงขึ้นต่อ จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยยังคงจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ มากกว่าที่จะไปควบคุมเงินเฟ้อในช่วงระยะนี้ จนกว่าประเทศไทยจะสามารถเปิดการท่องเที่ยว ที่เป็นธุรกิจที่สำคัญที่สุดต่อการฟื้นฟูจากผลกระทบ COVID-19
3) ธุรกิจต่างๆที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อาทิ ธุรกิจท่องเทียว น่าจะได้รับผลกระทบไม่มากไปกว่านี้มากนัก แต่อาจยืดเวลาการเปิดประเทศและการท่องเที่ยวออกไปอีก เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศส่วนใหญ่มาจากยุโรป
- สำหรับกลยุทธ์การลงทุนตราสารหนี้ในประเทศนั้น ปัจจุบันการลงทุนของกองทุนได้เพิ่มความระมัดระวัง โดยได้มีการจัดเตรียมสภาพคล่องบางส่วนของกองทุนรวมมาในช่วงก่อนหน้า และเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง อย่างไรก็ดีหากผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น อาจเพิ่มการลงทุนในพันธบัตรระยะปานกลาง
กลยุทธ์การลงทุนตราสารทุนในประเทศ มีความกังวลถึงสถานการณ์ของUkraine Valuation ของตลาดที่สูง และความเสี่ยงจาก Fed Tightening ดังนั้นจึงได้เพิ่มความระมัดระวังต่อพอร์ตตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยได้มีการลดน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อย แต่เน้นการเปลี่ยนถ่ายจากหุ้นขนาดเล็กไปหุ้นขนาดใหญ่และปรับสัดส่วนพอร์ตให้เป็น Value Portfolio มากขึ้นดังเห็นได้จากค่า Volatility ของพอร์ตที่ปรับลดลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หุ้นไทย ดิ่งเกือบ 30 จุด กังวัล รัสเซีย เปิดฉากโจมตี ยูเครน บวกยอดโควิดไทยนิวไฮซ้ำ
ราคาทองคำแตะ 30,000 แล้ว ทั้งวัน ขึ้น 17 ครั้ง รวม 1,050 บาท!
https://www.amarintv.com/spotlight/video/detail/54603