โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังคงมองเห็นสัญญาณบวกในช่วงครึ่งหลังของปี คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก บทความนี้จะสรุปภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ไทยในเดือนมิถุนายน 2567 พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาด และนำเสนอมุมมองของ ตลท. ต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในอนาคต
กล่าวคือ ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนมิถุนายน 2567 ปิดที่ 1,300.96 จุด ปรับตัวลดลง 3.3% จากเดือนก่อนหน้า และ 8.1% จากสิ้นปี 2566 นักลงทุนยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นตลาดทุนอย่างใกล้ชิด พบว่ากลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และเทคโนโลยี มีการเติบโตสวนกระแสตลาด
ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 22.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 26 นอกจากนี้ครึ่งแรกปี 2567 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 6 หลักทรัพย์ และใน mai 11 หลักทรัพย์ รวม 17 บริษัท โดยสามารถระดมทุนได้ทั้งสิ้น 15,643 ล้านบาท
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ว่ามีทิศทางที่สดใสขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออกในประเทศกำลังพัฒนา และแนวโน้มการลดลงของเงินเฟ้อโลกซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะเวลาอันใกล้นี้ ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินลง อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงให้ความสนใจกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่
สำหรับเศรษฐกิจไทย มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่เติบโตเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงการลงทุนในภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 มีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นไทยมีค่า P/B ratio ต่ำกว่าหนึ่งถึง 51.5% สะท้อนให้เห็นว่ามูลค่าหุ้นยังคงถูกประเมินต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์ของบริษัท ทั้งนี้ การประกาศใช้ Uptick Rules และการปรับเกณฑ์กองทุน ThaiESG คาดว่าจะช่วยลดความผันผวนของตลาด และดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในระยะยาว
ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีการเติบโตอย่างโดดเด่นในเดือนมิถุนายน 2567 โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นถึง 38.7% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 545,083 สัญญา การเติบโตนี้มาจากความสนใจที่เพิ่มขึ้นใน SET50 Index Futures และ Single Stock Futures อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาภาพรวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 พบว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 448,045 สัญญา ซึ่งลดลง 19.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากการลดลงของ Single Stock Futures และ SET50 Index Futures
ดังนั้น แม้ตลาดหุ้นไทยในเดือนมิถุนายน 2567 จะเผชิญกับความผันผวนและแรงกดดันจากปัจจัยลบต่างๆ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังคงมีสัญญาณบวกที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟื้นตัวของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 และตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากมูลค่าหุ้นที่ยังคงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิด รวมถึงการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย และความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาล การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจกับความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน