อนาคต เคอรี่ เอ็กซ์เพรส จะเป็นอย่างไรเมื่อราคาหุ้นของบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX พุ่งขึ้นไปกว่า 20-30 % ไปสูงแตะระดับ 6.45 บาท สูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน หลังปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ จากราคาหุ้นในปี66 ที่ร่วงลงมากกว่า 70% ลดลงไปต่ำสุดถึง 3.86 บาท จากสงครามราคา และการแข่งขันที่ดุเดือด ในประเทศไทย ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาในปัจจุบัน
เมื่อเร็วๆ นี้ทาง บริษัท เอ็กซ์เพรส แจ้งข่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จนเกิดแรงหนุนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไรหุ้นเคอรี่ในวันที่ 2 ม.ค. 67 ที่ผ่านมา เหตุจากการเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดในราคา 5.50 บาท เดิมทีผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของเคอรี่ คือ บริษัท เคแอลเอ็น โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (KLNTH) ถือหุ้นอยู่ 52.06% หรือ จำนวน 907,200,000 หุ้น แต่หากการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ สำเร็จลุล่วง บริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (SFTH) ที่ปัจจุบันถือหุ้นของบริษัทจำนวน 1,000 หุ้นนั้น จะขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทนในสัดส่วน 26.8% หรือ ถือหุ้นของอีกจำนวน 467,373,855 หุ้น
SF Holding เป็นบริษัทขนส่งพัสดุด่วน โดยจะเน้นขนส่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Alibaba และ JD.com เป็นหลัก ภายใต้ชื่อแบรนด์ SF Express และในปี 2563 SF Holding ได้เข้าซื้อกิจการ DHL ในจีน ด้วยมูลค่ากว่า 27,800 ล้านบาท และปี 2564 ก็เข้าซื้อหุ้นของ Kerry Logistics Network (KLN) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเคอรี่ที่ฮ่องกง จำนวน 51.5 % ส่งผลให้บริษัทมีเครือข่ายการจัดส่งที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศจีน ทำให้ปัจุจบัน SF Holding มีมูลค่าบริษัทราว 9.8 แสนล้านบาท จนกลายเป็นหนึ่งในบริษัทขนส่งรายใหญ่ของประเทศ จีน ในเวลานี้
การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของเคอรี่ในครั้งนี้ เกิดจากการที่ SF Holdings บริษัทด้านโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ SFTH ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลพิเศษแบบมีเงื่อนไข คือจะจ่ายด้วยหุ้น KEX ทั้งหมดที่ถืออยู่ให้กับผู้ถือหุ้นของ KLN ซึ่งรวมถึง SF International Holdings ที่ถือหุ้นอยู่ 51.5% และผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ ที่ส่วนมากเป็นชาวฮ่องกง และการที่ SFTH จะเข้ามาถือหุ้น KEX อาจเข้าข่ายเป็นการครอบงำกิจการ ทำให้ SFTH จำเป็นจะต้องทำการเสนอซื้อหลักทรัพย์แก่ผู้ถือหุ้นทั่วไป หรือ Tender Offer โดยการประกาศ ราคาที่สูงกว่าราคาปิดของ KEX ก่อนหน้านี้ที่ 4.94 บาท จนทำให้หุ้น KEX พุ่งขึ้นมา 5.50 บาท ขึ้นมา ราว 11% ในวันที่ 2 มกราคม ปี 2567 ที่ผ่านมา
หลังการปรับโครงสร้างกิจการ KLN และ SFTH ทั้งสองบริษัทยืนยันว่าจะยังคงดำเนินธุรกิจและบริหารงานตามแผนเดิมในระยะ 12 เดือนข้างหน้า โดยไม่เปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ แผนการบริหารจัดการธุรกิจ แผนการลงทุน การบริหารจัดการ โครงสร้างทางการเงิน หรือนโยบายการจ่ายเงินปันผล นอกจากนี้ SFTH ยังไม่มีความตั้งใจที่จะเพิกถอนหลักทรัพย์ของกิจการออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยสรุปแล้ว การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของเคอรี่ในครั้งนี้ คาดส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว เนื่องจาก SF International Holdings เป็นบริษัทด้านโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลกที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลก ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของเคอรี่จนพลิกฟื้นขึ้นมาได้ บวกกับความคาดหวังเชิงบวกของนักลงทุนที่มองว่าการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นในระยะถัดไป แต่จะเป็นอย่างที่หวังหรือไม่ นักวิเคราะห์จากหลายสำนักในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่ยังแนะนำ