
ราคาทองคำได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญอีกครั้ง ด้วยการพุ่งทะยานทะลุระดับ 4,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้ปีนี้ปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 67% ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบกว่า 40 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1979
โดยมีหลายปัจจัยที่มาผลักดันไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังเรื่องการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ Fed ความต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมไปถึงความต้องการจากธนาคารกลางทั่วโลก และกองทุน ETF ทองคำที่มีกระแสเงินไหลเข้าต่อเนื่อง จากข้อมูลสภาทองคำโลก ที่แสดงให้เห็นว่ายอดการถือครองรวมในกองทุน ETF เพิ่มขึ้นทุกเดือน ยกเว้นเพียงเดือนพฤษภาคมเท่านั้น
ในปี 2026 เป็นที่น่าจับตากว่า กระแสการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed จะรุนแรงมากน้อยเพียงใด หลังจากสหรัฐได้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอหลายรายการในช่วงสิ้นปี 2025 อีกทั้ง การคัดเลือกประธาน Fed คนใหม่โดย “โดนัลด์ ทรัมป์” มาดำรงตำแหน่งต่อจาก “เจอโรม พาวเวล” ที่จะหมดวาระในเดือนพฤษภาคม 2026 จะเป็นบททดสอบครั้งประวัติศาสตร์ต่อ "ความเป็นอิสระของ Fed” และหนึ่งในเดิมพันสูงสุดคือคดีของ “ลิซ่า คุก” ผู้ว่าการเฟด ที่ทรัมป์พยายามกดดันให้ออกจากตำแหน่ง โดยผลการตัดสินของศาลสูงสุดจะเริ่มในเดือนมกราคม 2026 ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานสำคัญว่า ประธานาธิบดีมีอำนาจปลดผู้กำหนดนโยบายธนาคารกลางได้หรือไม่
นอกจากนี้ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นจึงส่งผลให้ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยสหรัฐได้ยกระดับมาตรการปิดล้อมทางน้ำมันต่อเวเนซุเอลา และระดมกำลังไล่ตามสกัดเรือบรรทุกน้ำมันลำที่ 3 ในน่านน้ำสากลนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งกองเรือเงาที่ถูกคว่ำบาตรในเครือข่ายการลักลอบขนส่งน้ำมันที่ผิดกฎหมายของเวเนซุเอลา อีกทั้ง “โดนัลด์ ทรัมป์” ยังได้กล่าวว่า “เขาไม่ตัดความเป็นไปได้ในการทำสงครามกับเวเนซุเอลา“
การปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงของกลุ่มโลหะมีค่า (Precious Metal) นอกเหนือจากทองคำแล้วยังมี “โลหะเงิน (Silver)” ที่ปรับตัวขึ้นมาได้อย่างโดดเด่น ส่วนหนึ่งมาจากการขาดแคลนอุปทาน (Supply Shortage) ในปีนี้เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน ท่ามกลางบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ อีกทั้งยังมีหน้าที่เป็นสินทรัพย์ลงทุนที่มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกับทองคำ และด้วยความผันผวนที่สูงกว่าจึงดึงดูดให้นักเก็งกำไร (Speculator) เข้าสู่ตลาด จนเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นภาวะ Short Squeeze (นักเก็งกำไร Short Position ถูกบีบให้ซื้อคืน) ครั้งประวัติศาสตร์ในตลาดลอนดอน การซื้อคืนพร้อมๆ กันนี้จึงเป็นตัวเร่งให้ราคายิ่งพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดด จนกระทั่งส่งผลทางอ้อนมาถึงทองคำในฐานะ Precious Metal เบอร์หนึ่ง ให้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกันด้วยเช่นกัน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท YLG Bullion And Future จำกัด