Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ธนาคารกลางแห่ตุนทอง ปี 68 ซื้อแล้ว 634 ตันแม้ราคาพุ่ง กระจายความเสี่ยง
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ธนาคารกลางแห่ตุนทอง ปี 68 ซื้อแล้ว 634 ตันแม้ราคาพุ่ง กระจายความเสี่ยง

31 ต.ค. 68
12:55 น.
แชร์

ธนาคารกลางทั่วโลกเร่งเข้าซื้อทองคำในไตรมาสที่สามของปีนี้ โดยผู้ซื้อรายเดิมหลายแห่งกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง แม้ราคาทองคำจะอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้เพื่อเดิมพันกับมูลค่าของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-haven Asset) และเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ

ตามรายงานล่าสุดของ สภาทองคำโลก (World Gold Council: WGC) พบว่า ธนาคารกลางทั่วโลกได้เข้าซื้อทองคำรวม 220 ตัน ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และถือเป็นการพลิกฟื้นจากภาวะชะลอตัวในช่วงต้นปี รายงานระบุว่า ธนาคารแห่งชาติคาซัคสถาน (National Bank of Kazakhstan) เป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในช่วงดังกล่าว ขณะที่ ธนาคารกลางบราซิล (Central Bank of Brazil) ได้กลับมาซื้อทองคำเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสี่ปี ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์สำรองของประเทศ

เมื่อรวมยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกันยายน ธนาคารกลางทั่วโลกได้เพิ่มทองคำเข้าคลังสำรองแล้ว 634 ตัน แม้จะต่ำกว่าปริมาณในช่วงเดียวกันของสามปีก่อนหน้า แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ “สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนปี 2565” อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่รัสเซียจะรุกรานยูเครนและส่งผลให้ธนาคารกลางหลายแห่งเร่งกระจายความเสี่ยงออกจากดอลลาร์สหรัฐ รายงานของ WGC คาดการณ์ว่า ปริมาณการซื้อทองคำของธนาคารกลางตลอดปี 2568 จะอยู่ในช่วง 750 ถึง 900 ตัน โดยขึ้นอยู่กับทิศทางเศรษฐกิจโลกและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในระยะต่อไป

หลุยส์ สตรีต (Louise Street) นักวิเคราะห์อาวุโสด้านตลาดของ WGC ให้ความเห็นในแถลงการณ์ประกอบรายงานว่า “ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก ความกดดันเงินเฟ้อที่ยังคงเหนียวแน่น และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ล้วนเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ธนาคารกลางและนักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ มากขึ้น”

ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ หนุนแรงซื้อจากทั้งธนาคารกลางและนักลงทุน

แม้ในช่วงสัปดาห์ล่าสุดราคาทองคำจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่เมื่อมองภาพรวมตลอดปี 2568 ราคาทองคำยังคงพุ่งขึ้นแล้วประมาณ 50% โดยเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ราคาทองคำได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 4,380 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การพุ่งขึ้นครั้งนี้สะท้อนแรงซื้อที่แข็งแกร่งจากทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะแรงหนุนจากการเข้าซื้อของธนาคารกลางทั่วโลก ประกอบกับการที่นักลงทุนทั่วไปเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะตลาดผันผวนและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ

รายงานของ WGC ชี้ว่า ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงครึ่งปีแรก “อาจเป็นปัจจัยจำกัดการซื้อทองคำของบางประเทศ” แต่การฟื้นตัวของความต้องการในไตรมาสสาม “เป็นหลักฐานชัดเจนว่าธนาคารกลางยังคงเดินหน้าซื้อทองคำอย่างมีกลยุทธ์” เพื่อกระจายพอร์ตการถือครองสำรอง นอกจากนี้ WGC ประเมินว่า ราว 66% ของความต้องการทองคำจากธนาคารกลางในไตรมาสนี้ยังไม่ถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจมาจากประเทศที่ไม่ได้รายงานต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) หรือยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ

ในส่วนของนักลงทุนภาคเอกชน ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่ง WGC อธิบายว่าเกิดจากแรงจูงใจของนักลงทุนที่กลัวพลาดโอกาส (fear of missing out หรือ FOMO) ท่ามกลางราคาทองที่พุ่งไม่หยุด ขณะเดียวกัน สถานะของทองคำในฐานะทั้ง “สินทรัพย์ปลอดภัย” และ “เครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ” ก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งสภาทองคำโลกคาดว่ากระแสดังกล่าวจะดำเนินต่อไปตลอดช่วงที่เหลือของปี

รายงานยังระบุว่า ไตรมาสสามของปีนี้ถือเป็นช่วงที่มีกระแสเงินไหลเข้าสู่ กองทุน ETF ที่มีทองคำหนุนหลัง (Gold-backed ETFs) มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิทั่วโลกกว่า 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการลงทุนในทองคำผ่านช่องทางการเงินสมัยใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นโยบายการเงินและราคาทองสูงกระทบภาคเครื่องประดับ แต่ความต้องการโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง

นอกจากนี้ ปัจจัยด้านนโยบายการเงินก็มีผลอย่างมากต่อความเคลื่อนไหวของตลาดทองคำ โดยในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ความคาดหวังต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) และความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มชะลอตัว ล้วนเป็นแรงหนุนให้นักลงทุนเข้าสู่ทองคำเพิ่มขึ้น ธนาคารกลางสหรัฐประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25 จุดเปอร์เซ็นต์ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และถึงแม้ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) จะกล่าวว่า การปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม “ยังไม่ใช่ข้อสรุปแน่ชัด” แต่ท่าทีดังกล่าวก็ช่วยหนุนแรงซื้อทองคำต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำที่อยู่ในระดับสูงมากได้ส่งผลกระทบต่อ อุปสงค์ทองคำในภาคเครื่องประดับ ซึ่งในไตรมาสสามปรับลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสี่ปี นับตั้งแต่ปี 2563 ในเชิงปริมาณ ทำให้ WGC ต้องปรับลดคาดการณ์การบริโภคทองคำทั้งปีลง แต่ในเชิงมูลค่าแล้ว การใช้จ่ายของผู้บริโภคในเครื่องประดับทองคำกลับเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อยู่ที่ประมาณ 41,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากราคาทองคำที่สูงขึ้น

โดยสรุป การเร่งเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลกในไตรมาสที่สาม สะท้อนถึงการกลับมาของ “ยุคทองคำ” ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงระดับโลกอีกครั้ง ท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเงิน และภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดทองคำในช่วงที่เหลือของปี 2568 และอาจต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า


แชร์
ธนาคารกลางแห่ตุนทอง ปี 68 ซื้อแล้ว 634 ตันแม้ราคาพุ่ง กระจายความเสี่ยง