Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ดัชนีวัดอารมณ์นักลงทุน กล้า VS กลัว พบเดือน พ.ค.ตกอยู่ในภาวะ ‘กลัว’
โดย : กองบรรณาธิการ SPOTLIGHT

ดัชนีวัดอารมณ์นักลงทุน กล้า VS กลัว พบเดือน พ.ค.ตกอยู่ในภาวะ ‘กลัว’

8 ส.ค. 68
22:26 น.
แชร์

ความเปลี่ยนของราคาหุ้นในตลาด มาจากหลากหลายปัจจัย แต่อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ อารมณ์ของนักลงทุนในตลาดมักมีผลต่อการตัดสินใจซื้อขายอย่างมาก 

ตัวอย่างเช่น หากเรารู้สึกกังวล ไม่เชื่อมั่นกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการลงทุน เราอาจจะขายหุ้นออกไป ทำให้ราคาหุ้นที่ลดลงอาจสะท้อนถึงปัจจัยด้านอารมณ์ของนักลงทุนที่เริ่มมีความกังวลมากขึ้น โดยที่ปัจจัยพื้นฐานก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ 

ปัจจัยเหล่านี้รวมถึงการขายหุ้นอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ เหตุการณ์ทางการเมือง ความไม่แน่นอนจากปัจจัยต่างประเทศ เช่น อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) หรือผลของสงครามการค้า ตลอดจนความเชื่อมั่นเกี่ยวกับประเด็นธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการของบางบริษัท สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้การซื้อขายในตลาดลดลง และนักลงทุนบางกลุ่มเลือกที่จะชะลอการลงทุนหรือหันไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ แทน ดังนั้นหลายประเทศได้พัฒนาเครื่องมือเพื่อวัดอารมณ์ของนักลงทุนในตลาดหุ้น 

รู้จัก  Fear and Greed Index - ดัชนีวัดอารมณ์นักลงทุน

สำหรับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีเครื่องมือที่เรียกว่า Fear and Greed Index วัดความกลัว หรือ ความกล้าของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดัชนีนี้สร้างขึ้นด้วยแนวคิด Market-Based Approach โดยรวบรวมข้อมูลจากหลายมิติ เช่น ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ปริมาณหุ้นขึ้น-ลง อัตราส่วน Put-to-Call ดัชนีความผันผวน ไปจนถึงความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย แล้วแปลงเป็นดัชนีที่มีค่า  0–100 ค่าต่ำบ่งชี้ว่าอยู่ในโหมด “กลัว” (Fear) ขณะที่ค่าสูงหมายถึงภาวะ “กล้า” (Greed)  สะท้อนอารมณ์และพฤติกรรมตลาดแบบรายวัน ช่วยให้นักลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนและบริหารความเสี่ยงได้

ผลสำรวจล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2568 สะท้อนว่าอารมณ์ของนักลงทุนไทยโดยรวมอยู่ในภาวะ “กลัว” อย่างชัดเจน จากการเก็บข้อมูลนักลงทุน 1,243 คน พบว่ากว่า 90% ยอมรับว่าอารมณ์มีผลต่อการตัดสินใจลงทุน และถึง 70% มองว่าตลาดอยู่ในภาวะความกลัวในช่วงเวลานั้น เหตุผลหลักที่ทำให้ตลาดดูผันผวนในสายตาของนักลงทุนมาจาก “ข่าวหรือเหตุการณ์สำคัญ” และ “การขึ้นหรือลงแรงของราคาหุ้น” ซึ่งกระทบความเชื่อมั่นได้รวดเร็ว

พฤติกรรมของนักลงทุนที่ตามมาเมื่ออยู่ในภาวะความกลัว คือ

41.03% นักลงทุนเลือกหยุดลงทุนหรือถือเงินสดเพื่อรอดูทิศทาง 

17.70% ค่อย ๆ ทยอยซื้อเมื่อมั่นใจมากขึ้น 

15.85% ยึดกลยุทธ์เดิมไม่เปลี่ยนแปลง 

15.21% ที่ตัดสินใจซื้อสวนกระแสในช่วงที่ตลาดกลัว 

ประโยชน์ ของการมี Fear and Greed Index สำหรับตลาดหุ้นไทย

อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยมีตัวชี้วัดอารมณ์ผู้ลงทุนในรูปแบบ Survey-Based เช่น การสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนรายย่อยและสถาบันที่จัดทำโดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) หรือดัชนีความเชื่อมั่นผู้ลงทุน (Investor Confidence Index - ICI) ที่จัดทำโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ซึ่งสะท้อนมุมมองของผู้ลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดในอนาคต 

ในขณะเดียวกันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการจัดทำ Investor Sentiment Index ในรูปแบบ Market-Based โดยใช้งานตัวชี้วัด เช่น การติดตามมูลค่าซื้อขายสุทธิของผู้ลงทุนต่างชาติ อัตราส่วนการออกตราสารทุนเทียบกับตราสารหนี้ จำนวนหุ้น IPO และ มูลค่าการซื้อขายรายเดือนในตลาดหลักทรัพย์ โดยตัวดัชนีนี้ใช้ข้อมูลที่สะท้อนพฤติกรรมการซื้อขายจริงในตลาดเพื่อประเมินอารมณ์ของผู้ลงทุนทั้งในเชิงบวกและ

การพัฒนา Fear and Greed Index สำหรับตลาดหุ้นไทยจะช่วยเพิ่มมุมมองและเติมเต็มช่องว่างสำคัญโดยการรวบรวมข้อมูลในหลายมิติ เช่น ความผันผวนในตลาด ความสมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขาย และพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ รวมทั้งดัชนีที่สะท้อนอารมณ์ผู้ลงทุนที่มีความถี่มากขึ้นจากรายเดือนเป็นรายวัน จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจสภาวะตลาดได้ชัดเจนและทันเหตุการณ์ เพิ่มความสามารถในการวางกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม และยังช่วยให้สถาบันและหน่วยงานต่างๆ สามารถติดตามความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมตลาด เช่น ความเสี่ยงจากฟองสบู่หรือการขายตื่นตระหนกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่มา:ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

แชร์
ดัชนีวัดอารมณ์นักลงทุน กล้า VS กลัว พบเดือน พ.ค.ตกอยู่ในภาวะ ‘กลัว’